
ผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันออกฉายครับ แล้วก็เอามาดูซ้ำอยู่เป็นพักๆ (ก็คือถ้าดูภาคแรกเมื่อไรก็ต้องจัดภาคนี้ต่อท้ายทุกทีไป) แต่ผมก็ไม่เคยเขียนถึงเลย เหตุผลก็ง่ายๆ ครับ นั่นคือไม่รู้จะเขียนอะไรดี 555
ผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันออกฉายครับ แล้วก็เอามาดูซ้ำอยู่เป็นพักๆ (ก็คือถ้าดูภาคแรกเมื่อไรก็ต้องจัดภาคนี้ต่อท้ายทุกทีไป) แต่ผมก็ไม่เคยเขียนถึงเลย เหตุผลก็ง่ายๆ ครับ นั่นคือไม่รู้จะเขียนอะไรดี 555
กำกับโดย Mikael Salomon (Hard Rain) จากนิยายสุดดังของ Stephen King นะครับ ซึ่งเคยทำเป็นหนังทีวีมาแล้วรอบหนึ่ง กำกับโดย Tobe Hooper ซึ่งผมชอบฉบับนั้นนะ แม้จะไม่ได้ถึงขั้นยอดเยี่ยมเท่าตัวนิยาย แต่ก็น่าติดตาม น่ากลัว กำลังเหมาะทีเดียว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตามไปอ่านรีวิวฉบับนั้นได้ เพียงคลิ้กตรงนี้นะครับ
บางสิ่งยิ่งเห็นชัด ก็จะยิ่งคลุมเครือ และบางสิ่งยิ่งคลุมเครือ ก็จะยิ่งเห็นชัด
จุดสำคัญที่ทำให้ผมอยากตามมาดูหนังเรื่องนี้ก็คือ Anne Hathaway น่ะแหละครับ แฮะๆ แหม ก็สวยน่ารักดีออก อิอิ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกครับ ผมอยากดูเนื้อเรื่องข้างในต่างหากว่าจะดีหรือไม่ แฮ่มๆๆ (ไปได้เรื่อยๆ แฮะเรา)
ในบรรดาหนังที่มีเนื้อหาว่าด้วย “การทะลุเวลา – แก้อดีต – เปลี่ยนอนาคต” ที่ผมโปรดสุดๆ เป็นเรื่องแรกในชีวิต ก็หนีไม่พ้นไตรภาค Back to the Future ส่วนเรื่องต่อมาก็อยากขอยกตำแหน่งให้กับหนังเรื่อง Frequency นี้ครับ
แวะมาหนังบู๊เก่าๆ ของ Bruce Willis บ้างนะครับ กับ Striking Distance ที่พี่ท่านมารับบท ทอม ฮาร์ดี้ ตำรวจตงฉินจอมระห่ำ ที่มีความแค้นฝังใจเนื่องจากพ่อตนเองโดนฆาตกรรม และเขาเชื่อว่าคนทำก็ต้องเป็นคนในกรมตำรวจอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครฟัง แม้แต่ลุงของเขาเอง