หนังฮาใช้ได้ที่ถือว่าดูแล้วไม่ผิดหวังครับ – สำหรับคนที่ชอบหนังตลกร้ายน่ะนะครับ
หนังฮาใช้ได้ที่ถือว่าดูแล้วไม่ผิดหวังครับ – สำหรับคนที่ชอบหนังตลกร้ายน่ะนะครับ
อดีตซีไอเอมือเก๋าฉายา “ช่างก่ออิฐ” สตีฟ เวล (Aaron Eckhart) ต้องลงสนามอีกครั้งเมื่อ วิคเตอร์ ราเด็ค (Clifton Collins Jr.) อดีตสหายของเขาวางแผนแบล็คเมล์ซีไอเอโดยการใส่ความว่าซีไอเออยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมนักข่าวรายหนึ่ง งานนี้สตีฟเลยต้องหยุดแผนร้ายของเพื่อนเก่าให้ทัน ก่อนมันจะสร้างความเสียหายขนานใหญ่
The Pledge ถือเป็นหนึ่งในหนังที่จบได้ขัดใจครับ นี่ขนาดดูมาแล้วหลายวันบทสรุปของหนังยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย ซึ่งเดี๋ยวก็ต้องมีการสปอยล์แน่นอน แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นก็ขอเล่าแบบไม่สปอยล์ก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าจะสปอยล์เมื่อไรแล้วจะบอกอีกทีครับ
อันว่าหนังแอ็กชันภาคต่อที่เด็ดขาดสนุกเท่าภาคแรกนั้น เอาเข้าจริงๆ ก็มีไม่เยอะเท่าไรครับ ส่วนหนึ่งเพราะภาคแรกถ้าไม่แน่จริงก็คงไม่สามารถก่อให้เกิดภาคต่อได้ ดังนั้นภาคแรกก็ต้องมีดีมากประมาณหนึ่ง ดังนั้นการจะทำภาคต่อนั้น อย่าว่าแต่จะให้ดีกว่า เอาแค่ให้ดีเท่าเทียมก็ถือเป็นงานใหญ่แล้ว
ถือเป็นการยำเอาหนังไล่ผีอย่าง The Exorcist มาเจอกับ The Cell และ Inception ครับ ซึ่งถ้าว่ากันถึงแนวคิดแล้วก็ถือว่าสร้างสรรค์ไม่เลวอยู่เหมือนกัน และหากปรุงดีๆ ก็น่าจะเป็นหนังที่น่าสนใจและมีอะไรน่าติดตามขึ้นมาได้
การดู I, Frankenstein รู้สึกเหมือนได้ดู Van Helsing, Underworld และ The League of extraordinary Gentlemen เลยครับ เพราะอะไรหลายอย่างมาทางเดียวกันเด๊ะๆ
ได้ดูครบซะทีครับสำหรับ “หนังประสานงาประจำปี” ที่เอาทำเนียบขาวมาถล่มเล่น ผมนั้นดู White House Down ก่อน ก็รู้สึกว่าหนังดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเป็นพิเศษ โดยที่ Olympus นี่ดูทีหลัง แต่ก่อนดูก็แอบคิดในใจว่าเรื่องนี้คงสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยดาราก็ไว้ใจได้ โทนก็ดูน่าจะสมจริง
เป็นหนังที่ทำให้ผมงงตอนเข้าฉายครับ เพราะตอนนั้นทราบดีว่ามีหนังเรื่อง Battle Los Angeles ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แล้วทหารภาคพื้นดินก็เข้าไปรบกับพวกมันเพื่อปกป้องประเทศ โดยมีสมรภูมิคือ แอล.เอ.
ในหนังเรื่อง Amistad ของผู้กำกับ Steven Spielberg มีอยู่ฉากหนึ่งที่กระแทกใจผมเต็มๆ นั่นคือตอนที่ท่านอดีตประธานาธิบดีจอห์น ควินซี อดัมส์พูดในศาลเพื่อแก้ต่างให้เหล่าทาสผิวดำว่า “I realized after much trial and error, that in the courtroom, whoever tells the best story wins”
หนังเรื่องนี้ถือว่ามีฟอร์มไม่น้อยนะครับ ได้ Ron Howard แห่ง Apollo 13, Ransom และ The Da Vinci Code มากำกับ พร้อมดาราอย่าง Tommy Lee Jones, Cate Blanchett, Val Kilmer, Aaron Eckhart (ที่สมัยนั้นยังไม่ดังนัก) และ Evan Rachel Wood มาประชันกัน