ถ้าหวังจะเห็นป๋า Liam Neeson มาบู๊เทพในเรื่องนี้ ก็อาจไม่สมใจเท่าไรนะครับ เพราะ A Walk Among the Tombstones เป็นหนังสืบสวนสไตล์ Zodiac ของ David Fincher มากกว่า
ถ้าหวังจะเห็นป๋า Liam Neeson มาบู๊เทพในเรื่องนี้ ก็อาจไม่สมใจเท่าไรนะครับ เพราะ A Walk Among the Tombstones เป็นหนังสืบสวนสไตล์ Zodiac ของ David Fincher มากกว่า
เมื่อโลกไร้ซึ่งความหวัง “ความเชื่อ” นั่นเองที่มีค่าที่สุด
Somewhere in Time เป็นหนังรักกินใจอมตะอีกเรื่องครับ กับเรื่องของ ริชาร์ด (Christopher Reeve ผู้ล่วงลับ) นักเขียนหนุ่มที่จู่ๆ ก็มีหญิงชราเดินมามอบนาฬิกาให้ และบอกว่า “โปรดกลับมาหาฉันนะ”
ยังจำ “มุขเจล” ในตำนานได้ไหมครับ
เชื่อว่าคอหนังอายุ 30 อัพน่าจะคุ้นชื่อ “เฮอร์บี้” กันไม่มากก็น้อยนะครับ เรียกว่าเป็นหนังเบาสมองระดับตำนานอีกเรื่องเลยล่ะครับ
ภาคแรกถือว่าสนุกฮาในระดับหนึ่งครับ ซึ่งผมคาดไม่ถึงเลยว่าภาค 2 มันจะสนุกแบบได้ใจได้โล่ห์มากขนาดนี้!
วอลเตอร์ ไพสลี่ย์ (Dick Miller) คือเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่โบฮีเมียน คาเฟ่ที่รวบรวมศิลปินและงานศิลปะเอาไว้มากมาย เขาเองก็ใฝ่ฝันจะมีผลงานปูนปั้นมาวางโชว์ในร้านเหมือนกัน
รู้ไหมครับว่าผมไม่ได้ใช้บริการ Big Cinema มานานมากๆ แล้ว เพราะหนังที่เขาเอามาฉายส่วนมากผมก็จัดการบริโภครับชมไปจนหมดเรียบ ก็มีเรื่องนี้แหละครับที่จังหวะเหมาะ พอดีว่าง และพอดียังไม่ได้ดู ก็เลยได้ดูฟรีๆ ไปตามระเบียบ
ผมไม่แน่ใจนะครับว่า The Chronicles of Narnia จะทำออกมาได้ครบเจ็ดเล่มตามหนังสือหรือไม่ เพราะเนื้อหามันก็จะค่อยๆ มีความหนักขึ้นตามลำดับ ยิ่งภาคสุดท้ายนี่คนทำต้องใช้กำลังภายในเยอะทีเดียว ที่จะสร้างมันออกมาให้กลมกล่อม เต็มอิ่มทางความรู้สึกและสรุปเรื่องราวอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ มาว่ากันถึงปัจจุบันดีกว่า เพราะบัดนี้ตำนานแห่งนาร์เนียได้เข้าล่วงเข้าสู่บทที่สองแล้ว
ชื่ออิตาลีคือ Non si sevizia un paperino นะครับ กับหนังลึกลับระทึกขวัญของอิตาลีครับ กำกับโดย Lucio Fulci ผู้กำกับระดับตำนานอีกคนของแดนสปาเก็ตตี้ พี่ท่านขึ้นชื่อด้านการทำหนังสยองน่ะครับ อย่างหนังชุด Zombie ที่แตกหน่อต่อยอดไปจาก Dawn of the Dead ของ George A. Romero นั้นก็ดังด้วยมือเขานี่แหละ