สิ่งแรกที่ต้องบอกเลยคือหนังไม่ได้เน้นในเรื่องความบันเทิงครับ แต่จะเน้นไปในแนวไซไฟ ตลกร้าย จิกกัดเสียดสีมนุษย์และสังคมอะไรทำนองนั้น – แต่ถ้าท่านคาดหวังความสนุกสนานหรือแอ็คชั่นล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องนี้ครับ
สิ่งแรกที่ต้องบอกเลยคือหนังไม่ได้เน้นในเรื่องความบันเทิงครับ แต่จะเน้นไปในแนวไซไฟ ตลกร้าย จิกกัดเสียดสีมนุษย์และสังคมอะไรทำนองนั้น – แต่ถ้าท่านคาดหวังความสนุกสนานหรือแอ็คชั่นล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องนี้ครับ
สร้างจากเรื่องจริงของ เซลีน่า นักร้องสาวเจ้าของฉายา Queen of Tejano music หรือบางคนก็ขนานนามว่าเธอคือมาดอนน่าแห่งเม็กซิกันครับ และเธอยังเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มีผลงานเพลงจาก 5 อัลบั้มติดอยู่บนชาร์ต Billboard 200 ในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีศิลปินเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้ถึงระดับนี้ (คนที่เคยทำได้ก็อย่าง Elvis Presley, The Beatles และ Garth Brooks น่ะครับ) – เรียกว่าชื่อเสียงของเธอในเวลานั้นโด่งดังทะลุฟ้าแบบสุดๆ
ลิลี่ ฟ็อกซ์ (Maggie Smith), ไอลีน ดันน์ (Kathy Bates) และ ดอลลี่ เฮนเนสซี่ย์ (Agnes O’Casey) คือกลุ่มสตรีผู้มีศรัทธาและมุ่งหมายจะเดินทางไปยังเมืองลูร์ดเพื่อสักการะพระแม่มารี และหวังว่าพลังปาฏิหาริย์ของพระแม่จะสามารถช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นจากเรื่องทุกข์ที่กำลังประสบอยู่ – แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องลองติดตามกันนะครับ
ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสนุกของ Shaw Brothers ครับ
ไปๆ มาๆ ผมคงเป็นแฟนหนังซีรี่ส์นี้แบบไม่รู้ตัวครับ เพราะแม้จะไม่ถึงกับชอบโคตรๆ แต่ก็ถือว่าชอบในระดับหนึ่ง แล้วก็ตามดูมันทุกตอนทั้งเวอร์ชั่นหนังและซีรี่ส์ ซึ่งโดยรวมมันก็เพลินดีแหละครับ
กัปตันโบรดี้ ทอร์แรนซ์ (Gerard Butler) จำต้องรีบนำเครื่องบินโดยสารที่เขาขับซึ่งเกิดขัดข้องกะทันหันลงจอดให้เร็วที่สุด แต่พอดีจุดที่เขาลงจอดฉุกเฉินนั้นดันเป็นเกาะที่มีกองโจรครอบครองอยู่ และโจรกลุ่มนี้ก็ชอบจับคนต่างชาติมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ด้วย มิหน้ำซ้ำยังพร้อมจะฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมได้ทุกเมื่อ งานนี้โบรดี้เลยต้องสวมวิญญาณฮีโร่หาทางปกป้องผู้โดยสารและลูกเรือของเขาให้จงได้
ถือเป็นหนังที่ผมรู้สึกสมประสงค์มากๆ เรื่องหนึ่งครับ ประมาณว่าตอนดูตัวอย่างคาดหวังอะไรไว้ก็ได้ตามนั้นเป๊ะ ไม่ขาดแล้วก็ไม่เกิน
ก่อนผมจะดูภาคนี้ ผมก็เอา 3 ภาคแรกมาดูเรียงกันครับ โดยสรุปก็คือภาคแรกสนุกดี ส่วนภาคสองผมค่อนข้างเฉย และภาค 3 ก็กลับมาถูกใจผมอีกครั้ง ครั้นพอดูภาค 4 จบใจก็ถามเลยครับว่า ภาค 5 จะมาไหมเนี่ย?
มีคนร้ายวางระเบิดไว้บนรถด่วนชินคันเซ็น ขบวนฮายาบุสะหมายเลข 60 โดยมันขู่ว่าหากรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อไร ระเบิดจะถูกจุดชนวนทันที และมันยังยื่นข้อเรียกร้องเป็นเงินหนึ่งแสนล้านเยนเป็นค่าไถ่สำหรับชีวิตทุกคนบนรถด่วนขบวนนี้ – เรื่องที่เหลือไปดูกันต่อในหนังนะครับ
ผมเล็งที่จะดูสารคดีชุดนี้ตั้งแต่เห็นแว้บๆ ใน VIPA แล้วครับ แต่ก็นั่นแหละ มีอะไรให้ทำเยอะ มีอะไรให้ดูแยะ กว่าจะได้มาดูจริงๆ ก็ปาเข้าไปตอนที่ VIPA กำลังจะถอดออกอยู่แล้ว – ดูเหมือนชีวิตผมจะเป็นแบบนี้ประจำเลยแฮะ