
ภาคแยกของ Ip Man นะครับ โดยจับเอาตัวละคร จงเทียนฉี (จางจิ้น) จากภาค 3 มาขยายเรื่องราว
ภาคแยกของ Ip Man นะครับ โดยจับเอาตัวละคร จงเทียนฉี (จางจิ้น) จากภาค 3 มาขยายเรื่องราว
ถ้าฟังจากเรื่องย่อก็ชวนให้คิดว่าหนังจะมาในแนว Before Sunrise แต่พอดูตัวอย่างแล้วก็รู้สึกว่าหนังน่าจะมาในโทน Woody Allen ที่ให้ตัวละครมาต่อปากต่อคำกันมากกว่า
ชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ติดหูผมมานานครับ ฟังทีแรกก็สะดุดหูเลย แต่เพิ่งมามีโอกาสได้ดูก็หลังจากดู Ip Man ไปหลายภาคแล้ว ซึ่งผมก็มารู้ตอนดูนี่แหละว่า Wilson Yip แห่ง Ip Man เป็๋นคนกำกับ และพี่ Donnie Yen นอกจากเล่นนำแล้ว ยังเป็นคนกำกับคิวบู๊ด้วย
หนึ่งในหนังแนวแม่สาวผิวเข้มทะลวงแค้นที่ถูกสร้างขึ้นมาในยุค 70 สมัยที่กระแส Blaxploitation (หนังที่นำแสดงโดยคนผิวสี) กำลังมาแรงครับ ตัวเอกของเรื่องคือ ฟ็อกซี่ บราวน์ (Pam Grier) สาวสุดแกร่งที่ตั้งใจเปิดศึกกับแก๊งมาเฟียที่อยู่เบื้องหลังการตายของแฟนเธอ
จุดหนึ่งที่จัดว่าน่าเสียดายในภาคนี้คือการที่ Donnie Yen ไม่กลับมารับบทซุนหงอคง ซึ่งคนที่มารับบทแทนก็คือ กั๊วฟู่เฉิง (ที่ภาคก่อนเล่นเป็นปีศาจกระทิง) ที่แม้ว่าพี่แกจะแสดงได้ดีอยู่ แต่ในแง่แอ็กชันลีลากังฟูแล้ว ยังไงป๋า Donnie ก็พริ้วกว่าครับ
ปัญหาประการหนึ่งของหนังจีนยุค CG คือ ถ้าเรื่องไหนเน้น CG มากๆ ล่ะก็ เนื้อหาและความแน่นของเรื่องมักจะโดนลดบทบาทลงครับ ส่วนจะโดนลดมากจนไม่เหลือเลยหรือยังพอกล้อมแกล้มดูสนุกอยู่บ้าง ก็ต้องแล้วแต่กรณี
ตามดูเรื่องนี้ก็เพราะเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องของ Clive Barker เจ้าของเดียวกับที่ผลิตผลงานหนังสยอง (ที่ผมชอบมากๆ) อย่าง Hellraiser นั่นเองครับ โดยเรื่องนี้เขาก็ลงมือกำกับเองด้วย
เคยดูเรื่องนี้จาก Big Cinema ครับ สารภาพว่าไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เพราะรายได้และคำชมก็ออกมาแบบกลางๆ ค่อนไปทางลบ แต่ครั้นพอได้ดูแล้วก็รู้สึกว่าหนังทำออกมาได้โอเคครับ เรื่อยๆ ดี
ภาคก่อนโกยเงินทั่วโลกเกือบพันล้านครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะต้องมีการทำภาคต่อออกมา ซึ่งภาคนี้ก็ถือว่าทำเงินไปน่าพอใจอีกเช่นกัน คือ $796 ล้าน แสดงว่ามีคนรอให้การต้อนรับอยู่เยอะทีเดียว
ดูแล้วสรุปใจความได้เลยครับว่ามันคือการเอา Superman มาบวกกับ The Omen ได้ออกมาเป็นหนังสยองที่ตั้งคำถามใส่หน้าเราว่า “หากซูเปอร์แมนไม่ใช่คนดีล่ะ?”