ใครที่คุ้นเคยกับผมคงเดาได้นะครับว่าเหตุผลหลักเลยที่ผมเลือกดูหนังเรื่องนี้คืออะไร?… ใช่ครับ หนังมีฉากลงน้ำนั่นเอง พวกฉากดำน้ำประดาน้ำอะไรนี่ของโปรดครับ คือถ้าเอามาผัดกับข้าวได้ผมคงกินทุกวันนั้นน่ะ ชอบจริงๆ 555
ใครที่คุ้นเคยกับผมคงเดาได้นะครับว่าเหตุผลหลักเลยที่ผมเลือกดูหนังเรื่องนี้คืออะไร?… ใช่ครับ หนังมีฉากลงน้ำนั่นเอง พวกฉากดำน้ำประดาน้ำอะไรนี่ของโปรดครับ คือถ้าเอามาผัดกับข้าวได้ผมคงกินทุกวันนั้นน่ะ ชอบจริงๆ 555
Li Sheng Rong กลับมารับบทตี๋เหรินเจี๋ยอีกหนครับ คราวนี้เจอคดีใหม่ แต่ว่ากันตรงๆ เลยคือรูปแบบคดีมันคุ้นเคยมากๆ ประมาณว่าพระนางบูเช็กเทียน (Zheng Qing Wen) ทรงเสด็จไปที่ไหนสักแห่ง แล้วก็เจอมังกรโบยบินกลางท้องฟ้า (อีกแล้ว) แน่นอนว่ามันมาพร้อมลางร้าย (อีกแล้ว) พระนางจึงทรงรับสั่งให้หลี่มู่เอ๋อ (Li Zhen An) ไปตามเหล่าตี๋มาสืบคดีไขปริศนาที (อีกแล้ว)
ครอบครัวของผู้ตรวจการปิงโจว หูเสี่ยนเต๋อ ถูกฆ่าล้างตระกูลในคืนเดียว และมีคำร่ำลือว่าพวกเขาถูกฆ่าโดยกองทัพวิญญาณ เมื่อพระนางบูเช็กเทียน (Shi Xuan Ru) ทรงทราบจึงมีรับสั่งตี๋เหรินเจี๋ย (ตู้อี้เหิง, Du Yiheng) สืบคดี และเหล่าตี๋ของเราก็พบเงื่อนงำว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อนานมาแล้ว แต่อะไรหรือใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
และเราก็มาถึงภาคที่ 10 ครับ ถูกต้องแล้วครับ นี่คือภาคที่ 10 ของ หนังชุด Sniper ขณะที่ผมเขียนนี่ยังแอบทึ่งเลยนะ หนังสามารถมาไกลได้ถึงภาคที่ 10 ได้เนี่ย แสดงว่าการตอบรับมันคงโอเคพอสมควร ไม่งั้นหนังคงไม่เดินมาถึงภาคนี้หรอก
ก่อนดูหนังเรื่องนี้ผมตั้งใจสูดหายใจลึกๆ 3 หน แต่พอรู้ตัวอีกทีนี่ผมน่าจะสูดไปเป็นสิบหนน่ะครับ ในหัวนี่ล้างสมองล้างความคาดหวังทุกอย่างแล้วคิดว่าดูหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีสักเรื่องหนึ่ง โดยพยายามไม่นึกถึงเซนต์เซย่า
หลักๆ นี่ดูเพราะพี่ Nicolas Cage เลยครับ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คาดหวังมาก ครั้นพอได้ดูก็รู้สึกว่าหนังพอได้ครับ ดูเพลินๆ บันเทิงแบบไม่เลว
แม็ดดี้ บาร์คเกอร์ (Jennifer Lawrence) สาวแซ่บที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน เลยรับงานอ่อยหนุ่มเนิร์ดละอ่อน เพอร์ซี เบคเกอร์ (Andrew Barth Feldman) แล้วเรื่องวุ่นๆ น่ารักปนห่ามก็เลยตามมา
Disquiet เป็นหนังลึกลับซ่อนปริศนาหลอนๆ ครับ บอกได้คร่าวๆ ว่าถ้าใครผ่านหนังแนวนี้มาเยอะๆ ก็อาจจะเดาได้ และอาจเฉยกับหนัง ในขณะที่ผมนั้นก็ดูไปกรอไปเหมือนกันครับ เพราะจังหวะการเดินเรื่องค่อนข้างช้าไปนิด โดยส่วนตัวผมว่าหนังเหมาะกับการทำเป็นตอนสั้นๆ ลงใน The Twilight Zone น่ะครับ สัก 45 นาทีคงพอดี ทีนี้พอยืดเรื่องให้ยาวมันเลยมีส่วนเกินที่ทำให้หนังดูเยิ่อเย้อ ไม่เร้าระทึกอย่างที่ควรจะเป็น
สิ่งที่ไม่ควรเกิด มักก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด… ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด ก็ไม่ควรก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิดตั้งแต่ต้น
ความรู้สึกที่ผมมีต่อ Wonka มันอยู่ในระดับที่เป๊ะๆ กับกับความรู้สึกที่มีต่อ Fantastic Beasts ภาคแรก เลยครับ รู้สึกว่าหลายอย่างมาทางเดียวกัน เริ่มจากบรรยากาศสภาพของเมือง ถนนหนทาง ช่องไฟต่างๆ นี่ให้อารมณ์คล้ายกัน ตามด้วยเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยชายคนหนึ่งที่เดินทางมาจากต่างเมือง หอบกระเป๋ามาหนึ่งใบและมาพร้อมมนต์วิเศษบางอย่างที่จะสร้างผลกระทบหรือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับเมืองแห่งนี้