ผมเล็งจะดูเรื่องนี้มาหลายที และหมายมั่นว่าจะดูในตอนเช้าด้วยนะครับ เพราะเชื่อว่าหนังมันต้อง Feel Good และให้พลังกับเราได้แน่ๆ ครั้นพอดูจบผมก็เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที พลางบอกกับตัวเองว่า “ขอบคุณที่เลือกเปิดเรื่องนี้” ^_^
ผมเล็งจะดูเรื่องนี้มาหลายที และหมายมั่นว่าจะดูในตอนเช้าด้วยนะครับ เพราะเชื่อว่าหนังมันต้อง Feel Good และให้พลังกับเราได้แน่ๆ ครั้นพอดูจบผมก็เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที พลางบอกกับตัวเองว่า “ขอบคุณที่เลือกเปิดเรื่องนี้” ^_^
ผมดู 80 for Brady ตอนเช้าวันจันทร์ระหว่างออกกำลังกายครับ และถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะหนังมีความเป็น Feel Good ให้แรงบันดาลใจ ส่งให้ผมได้รับพลังบวกในวันแรกของสัปดาห์แบบเต็มๆ เลยครับ
ผมนั้นโตมากับการดูหนังจีนชุดครับ เวลาไปร้านวีดีโอนอกจากดูหนังเรื่องเดี่ยวๆ แล้วก็มักจะหอบหนังจีนชุดเรื่องที่สนใจกลับมาดูด้วย บางครั้งหอบมาทีเป็นสิบม้วนเล่นเอากล้ามขึ้นกันไปข้างหนึ่งเลย – หรือไม่บางเรื่องก็ต้องอาศัยดูทางทีวี หลังเลิกเรียนก็ต้องพยายามรีบกลับบ้านเพื่อจะได้มาดูให้ทัน นึกไปนึกมามันก็คือความสุขเมื่อวันวานน่ะนะครับ
ดู Hypnotic แล้วคิดอยู่ 2 อย่างครับ อย่างแรกคือ หนังก็โอเคนะ พอเพลินได้อยู่ และอย่างที่ 2 คือ “นี่แหละหนังของพี่ Robert Rodriguez”
นอกจากการไม่คาดหวังก่อนดูหนังสักเรื่องแล้ว การตั้งท่ารับว่าหนังจะมาแบบไหนก็มีส่วนช่วยให้เราโอเคกับหนังได้ในระดับหนึ่งครับ
All Creatures Great and Small เป็นซีรี่ส์ที่ผมอยากเอามาแนะนำมากๆ ครับ เพราะดูแล้วโดนใจอย่างแรง แต่ที่บอกว่าโดนใจนี่ได้ไม่แปลว่าซีรี่ส์เข้มข้น เร้าใจ หวือหวาหรือเต็มไปด้วยความพลิกผันนะครับ ที่โดนน่ะ โดนเพราะความเรียบง่ายครับ เป็นซีรี่ส์ที่เรียบง่าย อบอุ่น เดินเรื่องแบบเนิ่บๆ แต่ได้อารมณ์ กินใจแบบลึกๆ อิ่มเอมแบบค่อยเป็นค่อยไป – ดูแล้วผ่อนคลายจิตใจได้เป็นอย่างดี
สิ่งแรกที่ต้องบอกก่อนคือ The Killer ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นครับ แม้ตัวเอกจะเป็นนักฆ่าแต่ก็ไม่ได้รัวกระสุนไม่ยั้งแบบ John Wick ตัวหนังนั้นจะออกแนวชีวิตผสมกับระทึกขวัญที่บอกเล่าชีวิตช่วงหนึ่งของนักฆ่าคนหนึ่งครับ
ผมเว้นช่วงในการดูหนังรักโรแมนติกไปนานพอดูครับ เหมือนถึงจุดอิ่มตัวในช่วงหนึ่งเลยมีการพัก แล้วก็ปล่อยให้หนังรักหลายเรื่องผ่านตาไป กะไว้ว่าถ้าเกิดอารมณ์อยากดูเมื่อไรแล้ว ก็ค่อยคว้ามาดู และ Love Is in the Air ถือเป็นเรื่องแรกครับ ผลก็คือดูแล้วแฮ้ปปี้ใช้ได้เลยทีเดียว
ความกระตือรือร้นในการดู Scream VI ของผมนี่ยอมรับว่าไม่มากเท่าไรครับ คือถ้ามีให้ดูก็พร้อมดู แต่ไม่รีบไม่ร้อนอะไร ยิ่งรู้ว่าเดี๋ยวจะมีภาคต่อตามมาอีกก็ยิ่งเรื่อยๆ ทางอารมณ์ครับ – แต่ไม่ใช่ไม่อยากดูนะครับ มันก็ยังอยากดูอยู่ เพียงแต่ดีกรีความอยากดูมันไม่ได้มากเท่าสมัยก่อนตอนรอดูภาค 2 ภาค 3 น่ะ จำได้สมัยนั้นนี่ถึงขั้นเล็งวันพุ่งเข้าโรงเลยทีเดียว – สงสัยชักจะแก่แล้วครับ 555
ถ้าถามว่าระหว่าง The Haunted Mansion ฉบับปี 2003 กับ Haunted Mansion ฉบับใหม่นี่อันไหนเวิร์กกว่ากัน ก็ตอบได้ว่าฉบับใหม่ดูจะเข้าท่ากว่าหน่อยในแง่ของเรื่องราวครับ แต่ถ้าคิดคะแนนแบบสะระตะก็ถือว่าพอๆ กัน คือดูได้ในระดับเรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงกับเข้าเป้าแต่อย่างใด