
การกลับมาครั้งที่ 13 ของสายลับเจมส์ บอนด์ 007 นั้นถือว่ามีอะไรน่าสนใจหลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเบื้องหน้า (ตัวหนัง) และเบื้องหลัง (งานสร้าง)
การกลับมาครั้งที่ 13 ของสายลับเจมส์ บอนด์ 007 นั้นถือว่ามีอะไรน่าสนใจหลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเบื้องหน้า (ตัวหนัง) และเบื้องหลัง (งานสร้าง)
หลังจากเจมส์ บอนด์ตอน Moonraker ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ผู้อำนวยการสร้าง Albert R. Broccoli รู้สึกเบาใจ คลายความกดดันที่มีในการสร้างหนังบอนด์ลงไปมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาต้องพยายามทำบอนด์ออกมาตามกระแสเพื่อดึงความนิยม
แรกเริ่มเดิมที หนังเจมส์ บอนด์ตอนที่ 11 จะต้องเป็นตอน For Your Eyes Only แต่พอดีระหว่างเตรียมงานสร้างนั้น หนังอวกาศกำลังมาแรง ไม่ว่าจะ Close Encounters of the Third Kind (ของไอ้หนุ่มที่ทำหนังเกี่ยวกับ “ปลา” คนนั้น) กับ Star Wars (1977) หนังเหล่านี้ล้วนโกยเงินไปอย่างมากมายมหาศาล จนคนดูเรียกร้องหนังแนวนี้กันเป็นแถว
จากที่ผมได้เกริ่นไว้ในรีวิวเจมส์ บอนด์ ตอน The Man With The Golden Gun ว่าเกิดเหตุการณ์สำคัญคือ Harry Saltzman หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างหนังชุดนี้ตัดสินใจขายสิทธิ์ในหนังบอนด์ไปในมูลค่า 20 ล้านปอนด์
เมื่อบอนด์ภาค Live and Let Die ที่เป็นการเปิดตัว Roger Moore ในฐานะสายลับ 007 เป็นครั้งแรกนั้น ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จึงท่ำให้บอนด์ตอนที่ 9 ถูกสร้างต่อทันทีครับ
เจมส์ บอนด์ตอนที่แล้ว (Diamonds Are Forever) ประสบความสำเร็จมหาศาล ส่วนสำคัญก็ด้วยพลังดาราของ Sean Connery ทำให้คู่หูผู้สร้างอย่าง Albert R. Broccoli และ Harry Saltzman พยายามหว่านล้อมให้เขากลับมาเล่นเป็นบอนด์ต่อไป ถึงขั้นเสนอค่าตัวให้ถึง 5.5 ล้านเหรียญ แต่คราวนี้ยังไง Connery ก็โบกมืออำลา ยืนกรานว่าจะไม่กลับมาเป็นเจมส์ บอนด์อีก
เมื่อ George Lazenby โบกมืออำลาบทเจมส์ บอนด์ หลังจากแสดงไปได้เพียงภาคเดียว ทำให้ Albert R. Broccoli กับ Harry Saltzman 2 ผู้สร้างหนังชุดนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ Sean Connery กลับมาแสดงเป็นบอนด์อีกสักภาค เพื่อกระชากเรตติ้ง
หลังจาก Sean Connery ประกาศเลิกเล่นเป็นสายลับเจมส์ บอนด์ 007 ไป การตามหาบอนด์คนใหม่จึงถือเป็นเรื่องใหญ่สุดๆ ครับ เรียกว่าเป็นข่าวดังที่ไม่มีสำนักข่าวไหนไม่เกาะติดก็ว่าได้
ใน End Credits ของเจมส์ บอนด์ภาคก่อนได้ขึ้นว่า “บอนด์จะกลับมาในตอน On Her Majesty’s Secret Service” แต่เนื่องจากตามนิยายแล้ว ฉากหลังของตอนดังกล่าวจะต้องอุดมไปด้วยหิมะ เพราะบอนด์ต้องไปผจญภัยบนฐานลับของศัตรูที่มีหิมะปกคลุม อีกทั้งมีการไล่ล่ากันด้วยสกีอีกต่างหาก
นี่ถือเป็นบอนด์ตอนที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้นะครับ นับจำนวนแล้วก็ประมาณ 74.8 ล้านคนแน่ะ ก็ถ้าคิดเป็นค่าตั๋วในยุคปัจจุบัน (ปี 2560) หนังก็จะทำเงินไปถึง 664 ล้านเลยทีเดียวล่ะครับ