โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าบ้านเรา (โดยเฉพาะระยะหลังๆ นี้) ควรเอาหวงเฟยหงภาคนี้มาดูกันเยอะๆครับ เพราะหนังมันสะท้อนอะไรหลายอย่าง ชวนให้ฉุกคิดในหลายประเด็น
โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าบ้านเรา (โดยเฉพาะระยะหลังๆ นี้) ควรเอาหวงเฟยหงภาคนี้มาดูกันเยอะๆครับ เพราะหนังมันสะท้อนอะไรหลายอย่าง ชวนให้ฉุกคิดในหลายประเด็น
ภาคแรกของหนังกังฟูระดับตำนานครับ
หากให้สรุปสั้นๆ สำหรับเล่มนี้ ก็ต้องบอกว่าผมอ่านแล้วชอบครับ ออกตัวก่อนว่าผมชอบอ่านหนังสือของ Brian Tracy เพราะอ่านแล้วเข้าใจง่าย เอาไปทำได้เลย (ถ้าเราตั้งใจจะทำจริงๆ น่ะนะครับ) เนื้อหาก็จะเป็นแนวให้พลัง ปรับมุมคิด ฯลฯ
ผมว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มอยากพัฒนากรอบความคิดของตนเองครับ ไม่ว่าจะคนที่รู้สึกว่าตัวเองคิดลบมาก มองโลกว่าอยู่ยาก จนชักจะไม่ไหวกับการที่ตัวเองเป็นคนชอบคิดแบบนี้ (เพราะคิดแบบนี้แล้วเหนื่อยเสมอ)
หลังดูภาคนี้จบแล้วผมตระหนักได้อย่างหนึ่งครับว่า หนังชุด Saw 7 ภาคแรกนั้นถือเป็นหนังที่มีศิลปะในการนำเสนอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังชุดนี้มีความแตกต่างจากหนังไล่เชือดและหนังสยองเรื่องอื่นๆ ที่ส่วนมากพอทำออกมาได้ไม่กี่ภาคก็ต้องจบตัวเองลง หรือไม่ก็ทู่ซี้ทำแบบย่ำอยู่กับที่จนกว่ารายได้จะติดตัวแดงกันไป
เคยจีบใครไหมครับ ^_^ หนังเรื่องนี้มันทำให้ผมนึกถึงวันเหล่านั้นนะ วันที่เราพยายามจะเอาชนะใจใครสักคน มันคือช่วงเวลาอันแสนหวานที่บางครั้งก็แอบซ่อนความขมไว้ แล้วยังมีความลุ้นอีกด้วย เพราะไม่รู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในการชนะใจเขาหรือเธอไหม
ข้อดีอย่างหนึ่งของหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้ของ Hallmark ก็คือ สาระแก่นสารของหนังจะเป็นเรื่องของใครสักคนที่พยายามทำตามฝัน ทำเพื่อความถูกต้อง หรือพยายามทำสิ่งดีๆ ให้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเจออุปสรรคแค่ไหนก็ตาม
อีกหนึ่งหนังที่จริงๆ ผมว่าน่าสนใจนะครับ เนื้อเรื่องมันเหมาะแก่การทำให้เป็นหนัง Feel Good อย่างยิ่ง ส่วนดาราก็ถือว่ารวมคนฝีมือดีเอาไว้เยอะพอตัว ไม่ว่าจะ Michael Shannon, Judy Greer, Ron Perlman, Thomas Lennon และ Ian McShane
หนังเรื่องนี้ขอรีวิวเร็ว มาเร็ว เคลมเร็ว เพราะหนังมันว่าด้วยความเร็ว!
เชม (Keenen Ivory Wayans) อดีตตำรวจที่ได้ผันตัวเองมาเป็นนักสืบเอกชน รับงานอิสระที่เสี่ยงตายสารพัด โดยมี พีชเชส (Jada Pinkett Smith) สาวจอมห้าว ระห่ำ และเม้าท์ตลาดแตกเป็นคู่หู