ภาคต่อของ The Mummy จากค่าย Hammer Films ครับ แต่สิ่งที่รู้สึกระหว่างดูคือรสชาติมันแตกต่าง ไม่ใช่ต่างแค่กับหนังชุดมัมมี่นี้นะครับ แต่มันต่างออกไปจากหนังสยองแนวมอนสเตอร์ที่ผลิตออกมาจากค่าย Hammer เลยล่ะ
ภาคต่อของ The Mummy จากค่าย Hammer Films ครับ แต่สิ่งที่รู้สึกระหว่างดูคือรสชาติมันแตกต่าง ไม่ใช่ต่างแค่กับหนังชุดมัมมี่นี้นะครับ แต่มันต่างออกไปจากหนังสยองแนวมอนสเตอร์ที่ผลิตออกมาจากค่าย Hammer เลยล่ะ
มัมมี่ภาคนี้ก็เป็นฉบับรีเมคโดยค่าย Hammer Films อีกเช่นเคยนะครับ ส่วนคนกำกับก็คือ Terence Fisher ขาประจำที่ทำหนังภาคแรกของหนังสยองแนวมอนสเตอร์ทุกเรื่องให้กับ Hammer ตั้งแต่ Dracula, Frankenstein และมนุษย์หมาป่าครับ แล้วก็เขียนบทโดย Jimmy Sangster อีกทั้งได้ 2 ดาราหนังสยองแห่งยุคอย่าง Peter Cushing และ Christopher Lee มาเจอกันอีก เรียกว่ายกทีมแม่เหล็กแห่งค่าย Hammer มาเจอกันเลยล่ะครับ
แล้วเราก็มาถึงตอนที่ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของตำนานมัมมี่คาร์ริสแล้วนะครับ Lon Chaney Jr. ยังคงรับบทนี้เหมือนเดิมครับ ส่วนเหตุภาคนี้ก็เกิดหลังจากภาคที่แล้ว 25 ปี ซึ่งก็คือเหตุมาเกิดในปี 1999 นั่นเองครับ
นี่ก็เป็นภาคที่ 3 ของหนังชุด The Mummy’s Hand นะครับ เรื่องราวบทต่อมาของมัมมี่คาร์ริส (Lon Chaney Jr.) ที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาอีก ด้วยฝีมือของยูซุฟ เบย์ (John Carradine) ทายาทคนต่อมาของเอนโดเฮป (George Zucco) วายร้ายจากภาคแรกที่ยังไม่ยอมตายเสียที
หนังภาคต่อจาก The Mummy’s Hand ครับ โดยเนื้อเรื่องภาคนี้เป็นเหตุการณ์หลังจากภาคแรก 30 ปี กล่าวคือปีในหนังนั้นคือปี 1970 ครับ แล้วก็ได้ดาราหลักๆ กลับมา
หลายคนนับว่านี่เป็นภาคต่อแบบกลายๆ ของ The Mummy ฉบับปี 1932 ที่ Boris Karloff แสดงไว้ แต่จริงๆ แล้วหนังไม่มีอะไรเกี่ยวกันในทางเนื้อเรื่องครับ เว้นแต่ว่ามอนสเตอร์ตัวร้ายคือมัมมี่เหมือนกัน และมีความร้ายกาจอีกทั้งแผนการที่น่าสะพรึง เต็มไปด้วยความมรณะเหมือนกัน
มอนสเตอร์ในตำนานอีกหนึ่งตนที่ดังไม่แพ้ Dracula, Frankenstein และ The Wolf Man ซึ่งฉบับนี้ก็ได้ Boris Karloff ผู้เคยสวมวิญญาณอสุรกายของแฟรงเกนสไตน์จนโด่งดังมาแล้วในปี 1931 โดยในเรื่องนี้เขามารับบทเป็น อิมโฮเทป นักบวชในยุคอียิปต์โบราณที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และเขาต้องการเสาะหาหลุมศพของอนัคซูนามุน คนรักของเขา เพื่อจะได้ปลุกชีพเธอขึ้นมาครองคู่และอยู่เป็นอมตะตลอดไป
ใครคิดว่าหนังจะออกแนวบ้าบอฮาแตกเพียวๆ เห็นทีจะต้องปรับจูนการรับรู้ให้ตรงกันซะก่อนเลยนะครับ ผมอยากเรียกว่านี่เป็นหนังเบาสมองประเภทยำใหญ่กัดฮอลลีวู้ดมากกว่า เพราะมันไม่ใช่หนังประเภทมุกตลกเจ็บตัว หรือเอามุกมาชนมุกให้จบเป็นฉากๆ แล้วจบ แต่มันเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่อง มีทิศทางจริงจังมากเรื่องหนึ่ง
โดยส่วนตัวนะครับ นายบรูซ (Masi Oka) กับ ลอยด์ (Nate Torrence) สองนักประดิษฐ์จอมเป๋อจากหนัง Get Smart เนี่ย เป็นคู่หูที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ Oka นี่ผมชอบมากจากบทฮิโร่ในซีรี่ส์ Heroes ทั้งบรูซกับลอยด์นี่น่าจะเป็นตัวสร้างเสียงฮาได้ดีล่ะครับ ปกติบทแบบนี้มาเพื่อขโมยซีนอยู่แล้ว แต่ตอนผมดูพวกเขาปรากฏตัวในหนังก็รู้สึกว่ามันยังฮาไม่เต็มที่ ยังบ้าไม่สุดๆ เลยอดเสียดายไม่ได้
คราวนี้พลพรรคลูกๆ ทั้ง 5 ของบัดดี้มีเหตุให้ต้องไปผจญภัยในอวกาศครับ คนดูอย่างเราๆ เลยมีหน้าที่นั่งดูนั่งลุ้น ดูซิว่าเหล่าหมาๆ จอมซนจะพาตัวเองกลับสู่พื้นโลกได้หรือไม่