นี่คือหนังที่ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นผลงานที่ทำกำไรให้ค่าย Hammer Films มากที่สุดครับ
นี่คือหนังที่ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นผลงานที่ทำกำไรให้ค่าย Hammer Films มากที่สุดครับ
เรื่องของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 4 คนที่ได้รับเชิญให้มาเป็นแขกของปราสาทแดร็กคูล่า โดยชายผู้ดูแลปราสาทที่ชื่อโคลฟ์ (Philip Latham) เขาทั้ง 4 คนได้รับการดูแลอย่างดีครับ ทุกคนก็คิดว่าโชคดีแล้วที่มีคนเชิญมาพักที่ปราสาท ได้ทานอาหาร และนอนในห้องที่ดีอย่างที่สุด
ภาคแรกดังก็ต้องมีภาคต่อครับ กับตำนานบทต่อมาของหนังชุด Dracula ที่สร้างโดย Hammer Films ซึ่งยังได้ Terence Fisher มากำกับเช่นเคย และได้ Peter Cushing หวนกลับมารับบท ดร. แวน เฮลซิ่งอีกครั้ง
ได้เวลาสำหรับการร่ายหนังชุดสยองขวัญเก่าๆ แบบยาวๆ อีกแล้วนะครับ และเรื่องนี้มีหลายภาคให้พูดถึงแน่นอนกับตำนานแดร็กคูล่าฉบับ Hammer Films อันเป็นฉบับที่มีคนรู้จักและชื่นชมมากที่สุดรองจากฉบับที่ Bela Lugosi เคยแสดงไว้
นี่ก็เป็นภาคทื่ 7 อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังชุด Frankenstein จากค่าย Hammer Films ครับ ได้ Terence Fisher กลับมากำกับ (อันเป็นงานกำกับเรื่องสุดท้ายของเขาด้วย) และได้ Peter Cushing มาสวมบทวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์อีกหนึ่งคำรบ
Frankenstein จากค่าย Hammer Films เรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นตอนต่อของซีรี่ส์ Frankenstein ที่นำแสดงโดย Peter Cushing หรอกนะครับ แต่มันคือการรีเมคภาค The Curse of Frankenstein ใหม่อีกครั้งโดยเติมอารมณ์ขันและเรื่องเซ็กซ์ลงไป พร้อมทั้งให้นักแสดงหนุ่มอย่าง Ralph Bates มารับบท วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ เพื่อเรียกคนดูรุ่นใหม่ๆ แต่ในเวลาต่อมาหลายแห่งก็นับเอาเรื่องนี้เข้าเป็นหนึ่งในชุดด้วย
นี่ก็ถึงตอนที่ 5 แห่งหนังชุด Frankenstein ภายใต้การสร้างของค่าย Hammer Films แล้วนะครับ
ภาค 4 ของหนังชุด Frankenstein จากค่าย Hammer Films นะครับ
มาถึงตอนที่ 3 ของหนังชุด Frankenstein ฉบับ Hammer Films แล้วนะครับ Peter Cushing ยังคงรับบทเป็น บารอนแฟรงเกนสไตน์ และกลับมายังปราสาทเพื่อดำเนินการทดลองต่อไป โดยมีฮานส์ (Sandor Eles) ผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์คอยเป็นลูกมือและช่วยหาศพมาให้
หนังต่อจากภาคที่แล้ว (The Curse of Frankenstein) ครับ ซึ่งในตอนนี้ วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ (Peter Cushing) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้บ้าคลั่งกำลังโดนพาไปยังลานประหาร เพื่อรับโทษที่เขาได้ก่อไว้ แต่แล้วเขากลับหนีออกมาได้ แล้วรีบหลบหนีไปยังเยอรมัน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ดร. สไตน์