ว่าแบบเนื้อๆ เน้นๆ เลยนะครับ ผมชอบงาน Effect ของหนัง Green Lantern มากๆ เพราะสีมันสด ชุดดูเด่นเรืองรอง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แต่ลงตัว พวก Effect พลัง, ฉากระเบิดบึ้ม, มิติของกรีน แลนเทิร์น หรือตัวบอสใหญ่แสนอลังตอนท้าย พวกนี้เวิร์กดีเลยครับ
ว่าแบบเนื้อๆ เน้นๆ เลยนะครับ ผมชอบงาน Effect ของหนัง Green Lantern มากๆ เพราะสีมันสด ชุดดูเด่นเรืองรอง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แต่ลงตัว พวก Effect พลัง, ฉากระเบิดบึ้ม, มิติของกรีน แลนเทิร์น หรือตัวบอสใหญ่แสนอลังตอนท้าย พวกนี้เวิร์กดีเลยครับ
ประเด็นหนึ่งใน ประชาธิป’ไทย ของคุณเป็นเอก และคุณภาสกรที่ผมสนใจ คือตอนที่อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า เหตุการณ์นองเลือดในอดีตครั้งหนึ่งนั้น มีสาเหตุประการหนึ่งมาจาก “สื่อ” ที่นำเสนอด้านเดียว ครอบงำคนให้ทำร้ายกัน ฯลฯ
คิดแล้วเชียวว่าผมต้องชอบ The Hundred-Foot Journey แหงมๆ
มีหนังสยองแบบ 3 เรื่องสั้นมาแนะนำอีกแล้วครับ มาพร้อมเรื่องสั้นชวนระทึกตามสไตล์หนังแนวนี้ อันประกอบไปด้วย
มีอยู่ช่วงหนึ่งผมทยอยเอาหนังของเฮีย Dario Argento มารีวิว โดยเริ่มจากชุด Animal Trilogy แล้วจู่ๆ ก็หยุดไป ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ เพราะผมน่ะตั้งจะกวาดงานของเฮียแกมารีวิวให้หมด แต่ทีนี้ไปติดอยู่ตรงผมหาผลงานเรื่องที่ 4 ของเขาที่ชื่อว่า Le cinque giornate หรือ The Five Days of Milan หามาดูไม่ได้เลยครับ
ผลงานของผู้กำกับ Dario Argento ถัดจากเรื่อง Inferno ครับ หลังจากพี่ท่านจับงานสยองประเภทแม่มดปีศาจมาแล้ว 2 เรื่อง เขาก็ขอกลับมาทำหนังแนวถนัดนั่นคือหนังฆาตกรรมสยองขวัญซ่อนปม
หนึ่งในหนังมันส์สะใจของ Arnold Schwarzenegger ครับ บอกได้ตรงนี้เลยว่าสนุกมาก ดูเพลินมาก ถ้าท่านเป็นคอหนังแอ็กชันระทึกขวัญนิดๆ และมีฉากหลังเป็นโลกอนาคตล่ะก็ ขอแนะนำให้หามาดูเลยครับ
Don ‘The Dragon’ Wilson กลับมารับบทนำเช่นเคยครับ และบทก็คนละตัวละครกับภาคก่อนๆ เช่นเคย คราวนี้เขามาเป็นนายทหารนามว่า นิค คอร์ริแกน ที่มีหน้าที่ตรวจสอบฐานปล่อยจรวดนิวเคลียร์ แต่พอดีว่าฐานล่าสุดที่พี่แกไปตรวจนั้นโดนยึดโดยผู้ก่อการร้ายครับ เขาเลยต้องจัดการถล่มพวกมันตามระเบียบ
หาดูต่อจนได้ครับสำหรับหนังชุด Bloodfist ที่อำนวยการสร้างโดย Roger Corman ราชาแห่งหนังเกรดบี และนำแสดงโดย Don ‘The Dragon’ Wilson เจ้าของตำแหน่งแชมป์คิกบ็อกซิ่งระดับโลก (World Kickboxing Champion) ที่เป็นพระเอกทุกภาค แต่จะเป็นคนละตัวละครครับ เหมือนใช้ชื่อเดิม พระเอกเดิม แต่เนื้อหาจริงๆ น่ะเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาคที่แล้ว ยกเว้นเป็นหนังต่อยตีมีตื้บเหมือนๆ กันเท่านั้นเอง
การดูหนังชุด Bloodfist นี่ทำให้ผมทึ่งเล็กๆ ครับ เพราะผมจำได้ว่าภาคแรกนั้นไม่ประทับใจผมเลย ภาคสองก็งั้นๆ แต่พอมาภาคสามเรื่องราวกลับดูดีมีทิศทางขึ้น แม้จะยังไม่ถึงขั้นดีแต่ก็พอไหว ครั้นพอดูมาถึงภาค 4 นี่ก็ทึ่งต่ออีกครับ เพราะภาคนี้สนุกกว่าสามภาคที่แล้วซะอีก