แล้วพี่ Jean-Claude Van Damme ของผมก็กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฉีเคอะ แห่งฮ่องกงอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ครับ ต่อจาก Double Team เลยล่ะ
แล้วพี่ Jean-Claude Van Damme ของผมก็กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฉีเคอะ แห่งฮ่องกงอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ครับ ต่อจาก Double Team เลยล่ะ
มันก็แปลกดีนะครับ คือหากลองมาเทียบเปรียบวัดระหว่างพี่ Jean-Claude Van Damme กับ Steven Seagal ซึ่งตอนนี้ก็สาละนเตี้ยลงไปพอๆ กันแล้วน่ะนะครับ แต่หากลองเทียบสไตล์งานและผลงานแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าพี่ Seagal แกมีงานที่โอเคเยอะกว่า ดูสนุกเยอะกว่าพี่ Van Damme
ต่อกันมาเลยนะครับสำหรับหนังเรื่องนี้ของพี่ Van Damme ซึ่งนี่เป็นงานแสดงต่อจากเรื่อง Maximum Risk แล้วก็เป็นการร่วมงานกับผู้กำกับฮ่องกงอีกแล้วครับท่าน คืออย่างนี้นะฮะ ถ้าลองสังเกตดีๆ จะพบว่าพี่ Van Damme จะเป็นพระเอกให้กับหนังที่ผู้กำกับจากฮ่องกงมาทำในฮอลลีวู้ดทุกที เริ่มจาก Hard Target ของ John Woo ตามด้วย Maximum Risk ของ Ringo Lam แล้วก็เรื่องนี้ครับ
หลังจากผมทยอยเล่าหนังดูไม่ได้มาพักใหญ่ๆ ก็มาดูหนังที่พอจะสร้างความสนุกสนานให้คนดูได้บ้างดีกว่านะครับ จะได้มีอะไรดูกัน เพราะมาเลื่อนดูหลังๆ นี่มีแต่เตือนว่าอย่าดูทั้งนั้น อ้ะ อันนี้บอกแต่เนิ่นๆ ว่าพอดูได้ครับ พอทำเนาๆ
เรายังไม่จบกับพี่แกนะครับ พี่ Jean-Claude Van Damme ยังมีผลงานอีกหลายเรื่อง ดีบ้างไม่ดีบ้าง ไม่น่าสร้างออกมาบ้างแต่ก็เอาเถอะครับ ทำออกมาแล้วนี่เน้อะ
และนี่คือหนังที่สร้างจากเกมโคตรดัง จำได้มั้ยล่ะครับราวๆ 10 กว่าปีก่อน ถ้าท่านเป็นคอเกมล่ะก็ต้องจำได้ สมัยที่เครื่อง Super Famicom กำลังมาแรง กับเกม Street Fighter II โอย ตอนนั้นล่ะมันส์โคตรๆ ครับ มานั่งกดท่ายิงฮาโดเคนกันอุตลุด
ครับ มาต่อกันดีกว่า เล่าไม่ยาวกล่าวสั้นๆ กับหนังอีกเรื่องของพี่ Jean-Claude Van Damme นะครับ ที่พูดไม่ยาวเพราะนี่เป็นหนังเองแรกๆ ของเขาสมัยที่ยังไม่ค่อยดัง และตัวหนังเองก็หาได้น่าจดจำไม่
สำหรับ Cyborg ก็ปเนเรื่องราวของโลกอนาคตที่เหลวแหลกครับ บ้านเมืองโดนทำลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง แล้วก็มีกลุ่มวายร้ายตั้งตนเป็นใหญ่คอยทำลายความสงบของประชาชนที่เหลืออยู่ พวกมันนำโดย เฟรเดอร์ เทรโมโล (Vincent Klyn)
มาแล้วครับกับ Jean-Claude Van Damme Festival 5555 เอาหนังพี่ Van Damme มาเล่าเล่นๆ เอาขำๆ ซึ่งหนังของพี่ท่านก็มีทั้งที่โอเคและไม่โอเคคละเคล้ากันไปนะครับ ซึ่งมันเป็นก็เป็นธรรมดาของดารานักบู๊อยู่แล้วที่มักจะคืนสู่สามัญเร็วกว่าดาราเจ้าอื่นๆ
อันนี้ขอยอมรับบอกก่อนล่วงหน้าเลยนะครับว่าตัวหนัง ฟอร์มหนังหรืออะไรต่างๆ ของ Eragon ไม่ดึงดูดให้ผมสนใจใคร่ดูซักเท่าไหร่ อาจจะเพราะมันออกมาแนวเดิมๆ มั้งครับ คือมันประมาณ Lord น่ะนึกออกใช่มั้ยครับ ภาพอาณาจักรยุคอัศวิน แล้วก็มีมังกรบิน ซึ่งก็ให้อารมณ์ประมาณ Dragon Heart กล่าวคือมันเป็นอะไรที่เห็นๆ กันมาแล้วเป็นส่วนมาก ก็เลยเฉยๆ