ผลงานการแสดงยุคแรกๆ ของ Angelina Jolie ครับ กับหนังแนวรักโรแมนติกสไตล์โรมิโอแอนด์จูเลียต แต่เป็นเวอร์ชั่นออกแนวฮามากกว่าจะดราม่า
ผลงานการแสดงยุคแรกๆ ของ Angelina Jolie ครับ กับหนังแนวรักโรแมนติกสไตล์โรมิโอแอนด์จูเลียต แต่เป็นเวอร์ชั่นออกแนวฮามากกว่าจะดราม่า
กลายเป็นหนังม้ามืดแห่งปี 2013 ไปเลยครับ เพราะโกยในอเมริกาไป $150 ล้าน โดยทุนสร้างอยู่ที่ $37 ล้านเท่านั้น กำไรบานจนบริษัท Warner Bros สั่งให้ทำภาคต่อไปเรียบร้อย
เพิ่งรู้ครับว่าพระเอกเรื่องนี้คือ Tom Hardy หรือพี่เบนแห่ง The Dark Knight Rises กับเรื่องย้อนยุคในสมัยที่การจับคนไปบูชายัญอสูรกายลึกลับที่ชื่อว่าไมโนทอร์ยังคงมีอยู่ แต่ทีนี้ธีโอ (Hardy) ซึ่งต้องสูญเสียคนรักไปจากเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังแอบหวังครับ ว่าจริงๆ แล้วอาจไม่มีอสูรตนนี้ และคนรักของเขาอาจเพียงถูกจับไปขังไว้เท่านั้น
เรื่องเกิดในยุคอนาคตครับ เมื่อภาวะโลกร้อนทำให้โลกกลับไปสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง มนุษย์ที่เหลือก็ต้องอาศัยอยู่ใต้ดิน ตั้งเป็นอาณานิคมแยกกันไปเป็นจุดๆ
หนังคาวบอยที่รวมดาราวัยรุ่นที่กำลังมีชื่อ (ในตอนนั้น) อย่าง James Van Der Beek, Rachael Leigh Cook, Ashton Kutcher และ Usher Raymond มาเจอกับดารารุ่นใหญ่อย่าง Dylan McDermott, Dylan McDermott และ Alfred Molina
ถ้าเราต้องเล่าชีวิตของเราเอง หรือชีวิตใครสักคน การเล่าตามความจริงเป๊ะๆ มันจำเป็นแค่ไหน… เราจะเล่าแบบปรุงรสเพิ่มอีกหน่อย จะได้ไหม?
ซาร่าห์ และ เอลลิซ่า (Elisabeth Shue และ Jennifer Lawrence) แม่ลูกคู่หนึ่ง ย้ายบ้านมาอยู่ในชนบทห่างไกล แล้วพวกเธอก็พบว่าบ้านหลังใกล้ๆ นั้นเคยมีประวัติน่าสะพรึงอยู่ครับ นั่นคือ แครี่ แอน (Eva Link) ลูกสาวของคนในบ้านได้ลงมือสังหารพ่อแม่ตายทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงเด็กสาวคนนั้น และไรอัน (Max Thieriot) พี่ชายของเธอ
การจับพล็อตเรื่องนี้ทำเป็นหนังใหญ่ถือว่าไม่ใช่ของง่ายเลยครับ
แอนนี่ (Demi Moore) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุน มีหน้าที่พิจารณาคดีใหญ่ที่มีเจ้าพ่อตัวเอ้เป็นจำเลย ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับว่าเจ้าพ่อรายนี้ไม่อยากเข้าคุก เลยมีการติดต่อชายลึกลับฉายา ทีชเชอร์ (Alec Baldwin) ผู้มีหน้าที่วางแผนและข่มขู่ให้หนึ่งในลูกขุนยอมชักจูงลูกขุนรายอื่นๆ ให้พลิกคดี ทั้งที่หลักฐานมีพร้อมว่าเจ้าพ่อผิด แต่ถ้าลูกขุนพากันเทคะแนนว่าเขาไม่ผิด เจ้าพ่อก็จะลอยนวลทันที
แอบหวังในหนังเรื่องนี้ด้วยชื่อของ Wes Craven ที่คราวนี้นอกจากกำกับแล้วยังควบหน้าที่เขียนบทให้หนังตัวเอง ซึ่งเรื่องล่าสุดที่เขาควบ 2 ตำแหน่งนี้ก็คือ Wes Craven’s New Nightmare ภาคสุดท้ายของหนังนิ้วเขมือบฉบับเก่าที่ถือว่าดีรองจากภาคแรก แต่ไปๆ มาๆ ผลที่ได้กลับไม่สมดังหวังสักเท่าไรครับ