เฮเธอร์ (Shannen Doherty) และซานเน่ (Jennifer Blanc) คือเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กครับ ทั้งสองมีฝันเหมือนกันคือจะเป็นนักร้องนำให้ได้ แต่เฮเธอร์ซึ่งสดใสร่าเริงกว่ามักจะได้โอกาสดีๆ ไปส่วนซานเน่ได้แต่อิจฉาเพราะมักจะเป็นตัวรองอยู่ร่ำไป
เฮเธอร์ (Shannen Doherty) และซานเน่ (Jennifer Blanc) คือเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กครับ ทั้งสองมีฝันเหมือนกันคือจะเป็นนักร้องนำให้ได้ แต่เฮเธอร์ซึ่งสดใสร่าเริงกว่ามักจะได้โอกาสดีๆ ไปส่วนซานเน่ได้แต่อิจฉาเพราะมักจะเป็นตัวรองอยู่ร่ำไป
คีท ไรเกอร์ (James Marshall) กับซีซี (Shannen Doherty) แม้จะแต่งงานกันมานานแต่ชีวิตคุ่ก็ไม่ใคร่จะราบรื่น พวกเขาเริ่มมีคำถามว่าจะไปกันรอดไหม แม้จะมีลูกชายเป็นโซ่ทองคล้องใจพวกเขาก็ตาม แต่คำถามนี้ก็ยังไม่จากไปไหน
หนังแฟนตาซีดูสนุกและคลายเครียดได้อย่างดีเลยครับ Anne Hathaway รับบทเป็นเอลล่า เด็กสาวที่ได้รับพร (หรือจะเรียกว่าคำสาปดีหว่า) จากนางฟ้า โดยเธอจะต้องทำทุกสิ่งที่มีคนสั่งให้เธอทำ แน่นอนครับว่าถ้าเป็นเรื่องดีก็ดีไป แต่เผอิญเธอไปอยู่กับคนไม่ดี (เช่นแม่เลี้ยงใจร้ายเป็นอาทิ) เธอเลยตัดสินใจออกเดินทางตามหานางฟ้าเพื่อมาถอนคำสาปอันนี้ซะ และนั่นคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยไปเจอกับเจ้าชายรูปงาม อีกทั้งความสนุกอีกสารพัด
ทีมงานทำหนังเรื่องนี้ก็ช่างคิดดีจังครับ จับเอาดารายอดฝีมือหน้านิ่ง Tommy Lee Jones มาสวมบทเจ้าหน้าที่โรแลนด์ ชาร์ป ที่ต้องมาคอยคุ้มกันพยานฆาตกรรม แล้วไม่ใช่คุ้มคนเดียวนะครับ คุ้มเป็นกลุ่ม และแต่ละคนก็เป็นสาวน้อยเชียร์ลีดเดอร์ที่มี “ความเยอะ” ต่างกันไป
จากนิยายของ Michael Crichton ผู้ประพันธ์ Jurassic Park มาสู่ฉบับหนังครับ กับเรื่องราวแนวชีวิตผสมการหักเหลี่ยมหักเล่ห์กัน
หนังรวมดาราโดยผู้กำกับจอมระดมดารา Robert Altman ครับ กับเรื่องราวชีวิตอันยุ่งเหยิงของคุณหมอซัลลิแวน เทรวิส หรือ ด็อกเตอร์ที (Richard Gere) คุณหมอสูติฯ ผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ น้อยใหญ่ทั่วเมือง และชีวิตของเขาก็มีผู้หญิงเข้ามาพัวพันหรือไม่ก็สร้างความวุ่นมากมายครับ
ช่วงนี้ลองหยิบซีรี่ส์ Downton Abbey มาดู พอดูๆ ไปก็นึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาครับ เพราะแรกเริ่มเดิมที Downton Abbey จะเป็นภาคแยกของ Gosford Park แต่สุดท้ายทีมงานตัดสินใจเอาเฉพาะสไตล์ของเรื่อง (ที่ว่าด้วยเรื่องของชนชั้นสูงและคนรับใช้ ในคฤหาสน์หลังใหญ่) มาสานต่อ ส่วนด้านเนื้อหาจะเป็นเอกเทศไม่เกี่ยวกัน
ภาคแรกสนุก ภาค 2 สนุกขึ้น ส่วนภาคนี้ถือว่าสนุกในระดับหว่างกลางระหว่างภาคแรกกับภาค 2 ครับ… ว่าง่ายๆ ก็คือสนุกอีกนั่นแหละครับ 555
ภาคแรกถือว่าสนุกฮาในระดับหนึ่งครับ ซึ่งผมคาดไม่ถึงเลยว่าภาค 2 มันจะสนุกแบบได้ใจได้โล่ห์มากขนาดนี้!
ถ้าใครสนใจดูหนังฮาๆ สนุกๆ แบบดูได้ทั้งครอบครัวโดยไม่ลามกและไม่เลอะเทอะล่ะก็ ขอแนะนำหนังชุดนี้เลยครับ Diary of a Wimpy Kid ทำออกมา 3 ภาค สนุกดูเพลินทุกภาค