ดูจบแล้วผมถามตัวเองว่าชอบสโนว์ไวท์รสชาติไหนมากกว่ากัน ระหว่างรสภารตะผสมวนิลาหอมเนยนมกับรสโกโก้เข้มข้นบวกเข้าไปด้วยลิโพอีกขวดกว่าๆ
ดูจบแล้วผมถามตัวเองว่าชอบสโนว์ไวท์รสชาติไหนมากกว่ากัน ระหว่างรสภารตะผสมวนิลาหอมเนยนมกับรสโกโก้เข้มข้นบวกเข้าไปด้วยลิโพอีกขวดกว่าๆ
รู้ไหมครับว่าจริงๆ หนังเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับสนุกจนพลาดไม่ได้ มีอะไรที่ยังไม่เข้าที่หลายจุดเหมือนกัน แต่ครั้นจะหาเรื่องมาบ่นผมกลับบ่นไม่ลงแฮะ… ก็หนังมันทำออกมาน่ารักอ้ะ!
ขอบอกครับว่า “รักหนังเรื่องนี้จุงเบย “
จางจื่ออี๋ (หรือจางซิยี่) แสดงนำในหนังตลกโรแมนติกเรื่องนี้ครับ ในบทโซฟี หญิงสาวที่จมอยู่กับอดีต วันๆ เอาแต่ตามแอบดูแฟนเก่าที่กำลังมีความสุขอยู่กับแฟนใหม่ที่เป็นนางเอกชื่อดังนามว่าโจแอนนา (ฟางปิงปิง) ซึ่งโซฟีก็ยังรักแฟนเก่าไม่เลิกน่ะครับไม่ว่าเขาจะเพิกเฉยต่อเธอยังไงก็ตาม ในที่สุดเธอเลยพยายามหาทางฉุดคนรักเก่าให้กลับมาด้วยสารพัดวิธีต๊องๆ เท่าที่สมอง (สุดฮา) ของเธอจะนึกออก
ถัดมานะครับผมก็จะพูดถึง Sherlock Holmes ฉบับปี 1922 ที่นำแสดงโดย John Barrymore แล้วก็ได้ Roland Young มาเป็น ดร. วัตสัน ซึ่งเรื่องราวนั้นเล่าถึงแผนการร้ายของศาสตราจารย์มอริอาตี้ (Gustav von Seyffertitz) นโปเลียนแห่งอาชญากรรมที่มีแผนร้ายระดับสูง ส่วนโฮล์มส์ในตอนนั้นก็ยังเป็นนักศึกษาครับ ดร. วัตสันก็ยังหนุ่มๆ
วันนี้มีโอกาสผมเลยหาหนังเก่าๆ ขาวดำมาดูนะครับ เรื่องที่ค้นหามาก็คือหนัง Sherlock Holmes เวอร์ชั่นเก่าเลยครับ จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นโฮล์มส์เรื่องแรก (หรือแรกๆ) ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
ภาคที่ 3 ของหนังชุด Shaft ครับ โดยหนนี้ยอดนักสืบจอห์น แชฟท์ (Richard Roundtree) ถูกว่าจ้างให้ตามรอยขบวนการค้าทาสผิวดำที่กำลังก่อการฮึกเหิม นอกจากพวกมันจะค้าทาสแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้ว มันยังฆ่าปิดปากทุกคนที่เข้าไปสืบหาหลักฐานในการเอาผิดพวกมัน
พูดถึง Death Note แล้วไม่เอี่ยวถึง L: Change the World ก็คงกระไรน่ะนะครับ
คงไม่มีอะไรพูดถึงมากสำหรับ Death Note: The Last Name ที่ยังถือว่าดูสนุก แต่อาจไม่ลงตัวเท่าภาคแรก ส่วนหนึ่งเพราะต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้จบใน 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งถือว่ายากใช่ย่อย แต่เท่าที่ทำออกมาก็นับว่าน่าพอใจครับ
Death Note เป็นหนังที่ดัดแปลงจากการ์ตูนได้ Work ดีครับ ดูสนุก น่าติดตาม และเข้มข้นน่าจดจำ