Just Like Heaven ทำให้ผมนึกย้อนไปสมัยที่หนังโรแมนติกยังมีให้เราดูในโรงอยู่เรื่อยๆ ครับ ช่วงนั้นมาแทบทุกเดือน สนุกมากสนุกน้อยก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างโอเค ดูแล้วได้รอยยิ้มและความสุข
Just Like Heaven ทำให้ผมนึกย้อนไปสมัยที่หนังโรแมนติกยังมีให้เราดูในโรงอยู่เรื่อยๆ ครับ ช่วงนั้นมาแทบทุกเดือน สนุกมากสนุกน้อยก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างโอเค ดูแล้วได้รอยยิ้มและความสุข
หลังดู Glass Onion จบ ผมก็ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงในการถามตัวเองว่าตกลงรู้สึกยังไงกับหนัง?
สำหรับผมแล้ว ความสนุกของ Knives Out ไม่ได้อยู่ตรงการเดาตัวฆาตกร (เพราะสารภาพตามตรงว่าพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกๆ แล้ว) แต่มันสนุกเพราะหนังมีองค์ประกอบดีๆ มาผสมกันอย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะทีมดารามือดี การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง มีรายละเอียดและมีอะไรให้ตามอยู่เรื่อยๆ และโทนของเรื่องที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ดูแล้วได้อารมณ์หนังสืบสวน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เรายิ้มได้เป็นระยะๆ
พอล (Jason Patric) อดีตมาเฟียระดับตำนานเจ้าของฉายา “เดอะ พริ้นซ์” ได้ล้างมือจากวงการ แล้วหันไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองห่างไกล แต่เมื่อเขารู้ว่าเบธ (Gia Mantegna) ลูกสาวของเขาหายตัวไป เขาเลยต้องออกโรงตามหาลูก อันนำเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับสารพัดอันตรายและรอยแค้นจากอดีตที่รอคอยเขาอยู่
ผมดูซีรี่ส์ชุดนี้หลังจากดู Detective Chinatown ฉบับภาพยนตร์จนครบ 3 ภาคแล้วน่ะครับ คือมารู้ทีหลังว่ามีซีรี่ส์ชุดนี้อยู่ในโลก แล้วมันก็เกี่ยวข้องกับ DC ฉบับหนังใหญ่ด้วย ซึ่งพอดีที่ Monomax มีให้ดูแบบพากย์ไทย ก็เลยจัดซะ
ซันนี่ (50 Cent) กับวินเซนต์ (Ryan Phillippe) เป็นเพื่อนกันมานานครับ แล้วอยู่มาวันหนึ่งพวกเขาก็วางแผนปล้นและตกลงจะแบ่งเงินกัน แต่แล้ววินเซนต์กลับหักหลังแล้วฮุบเงินไว้ ก่อนจะพยายามฆ่าซันนี่และพวกคนอื่นๆ ทีนี้ซันนี่รอดมาได้ เขาเลยกลับมาทวงแค้นวินเซนต์
Barbarian ถือเป็นหนังสยองขวัญที่ปักหมุดไมล์ในใจผมครับ ไม่ใช่เพราะว่ามันสุดยอดสมบูรณ์จนไร้ที่ติด และไม่ใช่เพราะมันแปลกใหม่อะไร แต่เพราะมันเป็นหนังสยองเชือดที่มีจุดชวนรำคาญอยู่หลายประการ แต่สรุปสุดท้ายแล้วผมก็ยังรู้สึกเชิงบวกกับมันอยู่ดี
Gutshot Straight เล่าถึงเรื่องราวในช่วงวิกฤตของนักพนันนามว่า แจ็ค (George Eads) ที่ชีวิตนี้เต็มไปด้วยหนี้ โชคเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อยเมื่อได้เจอกับเศรษฐีคนหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าชีวิตเขากำลังจะเจอกับเรื่องวุ่นวายมากกว่าเก่า แจ็คเลยต้องพยายามผ่าทางตันก่อนที่ชีวิตเขาและครอบครัวจะต้องลำบากไปมากกว่านี้
เหตุผลที่ดู The Noel Diary นั้นนอกจากเพราะเป็นหนังคริสต์มาสแล้ว อีกเหตุผลก็คือหนังกำกับโดย Charles Shyer เจ้าของผลงานที่ผมชอบตลอดกาลอย่าง Father of the Bride (1991) ซึ่งเขาก็ห่างหายจากการกำกับหนังไปเกือบ 10 ปีแน่ะครับ
Warriors of Future เป็นหนังดูง่ายครับ คือดูแบบไม่คาดหวังอะไรเลย หลักๆ คือดูเพราะเหล่าดาราฮ่องกงที่แสนคุ้นเคย ไม่ว่าจะกู่เทียนเล่อ, หลิวชิงหวิน, หลิวเจียหลิง, จางเจียฮุย และ Philip Keung สำหรับผมแล้วพวกเขาเหล่านี้รับประกันความโอเคของหนังได้ในระดับหนึ่งครับ อย่างบางเรื่องที่อาจไม่ได้สนุกอะไรนัก แต่อย่างน้อยการแสดงของพวกเขาก็พอจะประคองให้เราดูหนังไปจนจบได้