เป็นการดูหนังที่มีความสุขดีครับสำหรับ Marry Me เอาเข้าจริงหนังก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับ มันคือหนังรักโรแมนติกเบาสมองแบบยุค 90 แต่เผอิญว่ามันคือแนวที่ผมชอบครับ ผมเลยรู้สึกเพลินกับหนังไปจนจบเลย
เป็นการดูหนังที่มีความสุขดีครับสำหรับ Marry Me เอาเข้าจริงหนังก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับ มันคือหนังรักโรแมนติกเบาสมองแบบยุค 90 แต่เผอิญว่ามันคือแนวที่ผมชอบครับ ผมเลยรู้สึกเพลินกับหนังไปจนจบเลย
Something’s Gotta Give หนังรักวัยดึกผลงานกำกับและเขียนบทโดย Nancy Meyers ที่สมัยนั้นกำลังดังต่อเนื่องมาจาก The Parent Trap และ What Women Want ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าดูเพลินครับ เพลินด้วยลีลาของดาราคู่หลัก ทั้ง Jack Nicholson และ Diane Keaton ที่ถือเป็นพลังสำคัญของหนังก็ว่าได้
ผมจำชื่อผู้กำกับ Susanna Fogel ได้จากหนังเรื่อง Life Partners ที่ว่าด้วยชีวิตของเพื่อนซี้สองสาวที่สะท้อนเรื่องราวของคำว่าเพื่อนและความเปลี่ยนแปลงระหว่างเพื่อนเมื่อชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนไป หนังถือว่าเวิร์กครับ ออกมาดูเพลินไม่เลว ใครที่เซนซิทีฟกับคำว่า “เพื่อน” ก็อยากให้ลองได้รับชมกัน
The Pale Blue Eye ถือเป็นหนังถูกใจอีกหนึ่งเรื่องครับ แนวนี้ใช่เลย สืบคดีย้อนยุคได้กลิ่นอายโกธิค เดินเรื่องเหมือนนิยายที่เปิดไปทีละหน้า และที่สำคัญคือมี เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาเป็นหนึ่งในตัวละครด้วย
เขาว่า Extreme Job สนุกก็เลยจัดมาครับ กะผ่อนคลาย ซึ่งหนังก็ถือว่าโอเคครับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้เข้าทางผมซะทีเดียวเท่านั้นเอง
Hollywood Homicide นี่เคยดูมาแล้ว 2 รอบครับ รอบแรกตอนออกแผ่นใหม่ๆ ดูแล้วก็ออกแนวเฉยครับ จากนั้นก็ได้ดูอีกรอบเมื่อไม่นานมานี้ เอามาเปิดดูเล่นยามว่างเผื่อว่าจะชอบมากขึ้น แต่ผลก็คือยังเฉยอยู่เหมือนเดิม
The Pledge ถือเป็นหนึ่งในหนังที่จบได้ขัดใจครับ นี่ขนาดดูมาแล้วหลายวันบทสรุปของหนังยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย ซึ่งเดี๋ยวก็ต้องมีการสปอยล์แน่นอน แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นก็ขอเล่าแบบไม่สปอยล์ก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าจะสปอยล์เมื่อไรแล้วจะบอกอีกทีครับ
ผมเลือกดู We Can Be Heroes เพราะอยากเปิดหนังที่เด็กดูได้แบบง่ายๆ ให้ลูกดูครับ แล้วผลลัพธ์ก็ถือว่าโอเคนะ ลูกผมดูแล้วก็สนุกอยู่ ส่วนผมเองก็ว่าไม่เลวเหมือนกัน แม้ว่าจะมีบางจุดให้ตะขิดตะขวงก็ตาม
The Adventures of Sharkboy and Lavagirl เรื่องนี้เห็นมานานมากแต่ก็ไม่ได้ดูสักทีครับ อาจเพราะความสนใจมันไม่มากหรือไม่ก็อิ่มตัวแนวนี้ไปแล้วหลังจากดู Spy Kids มาหลายภาค แต่ที่เอามาดูนี่ก็เพราะวันก่อนได้ดู We Can Be Heroes ครับ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนั้นเป็นภาคต่อของเรื่องนี้ (เพราะมีตัวละครชาร์คบอยกับลาวาเกิร์ลไปโผล่ด้วย) ก็เลยย้อนหามาดู
แฮร์รี่ ดีน (Colin Firth) ภัณฑารักษ์งานศิลป์ตั้งใจจะแก้แค้นเจ้านายจอมวายร้ายอย่างไลโอเนล ชาบานดาร์ (Alan Rickman) โดยการวางแผนตุ๋นครั้งใหญ่ หมายจะล่อหลอกให้ไลโอเนลยอมจ่ายเงินซื้อภาพโมเน่ต์ปลอมที่เขาสร้างขึ้น และเขาก็ได้ขอแรงให้แม่สาวโรดิโอ้ชาวอเมริกันสุดห้าวอย่างพีเจ (Cameron Diaz) ให้มาช่วยร่วมแผนนี้ด้วย แต่แทนที่เรื่องจะง่ายกลับกลายเป็นวุ่นกว่าเก่าครับท่านผู้ชม