ออ ต้องบอกก่อนนะครับว่าตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา Air Bud ได้กลายเป็นหนังลง VDO โดยตรงเรียบร้อยครับ ประมาณว่าภาคแรกดัง ภาคสองไม่เท่าไร แต่ไปได้ดีในตลาดวีดีโอ คนทำเลยหัวเสครับ ไม่ต้องฉายโรงแต่ลงม้วนเลย โกยกำไรจากเด็กแบบเต็มๆ
ออ ต้องบอกก่อนนะครับว่าตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา Air Bud ได้กลายเป็นหนังลง VDO โดยตรงเรียบร้อยครับ ประมาณว่าภาคแรกดัง ภาคสองไม่เท่าไร แต่ไปได้ดีในตลาดวีดีโอ คนทำเลยหัวเสครับ ไม่ต้องฉายโรงแต่ลงม้วนเลย โกยกำไรจากเด็กแบบเต็มๆ
ภาค 3 แล้วนะครับ สำหรับเรื่องราวของเจ้าหมาบัดดี้ กับเจ้านายของมัน จอร์ช แฟรม (Kevin Zegers) โดยที่คราวนี้พ่วงน้องสาวของจอร์ชที่ชื่อ แอนเดรีย (Caitlin Wachs) มาให้เราได้รู้จักด้วย
งวดนี้ยาวครับ ผมแนะนำภาค 1 ไปเมื่อกี้ ตอนนี้ก็แนะนำต่อภาค 2 ทันที จนหลายคนเกิดคำถามว่าผมจะแนะนำมันรวดทุกภาคเลยไหมนี่… อิอิ ก็ตอบได้ว่า นั่นคือเจตนาของกระผมเองครับ อิอิ
หันซ้ายขวา เปิดทีวีหรือวิทยุก็เจอแต่ข่าวน่าหนักหัว ผมก็เลยทำการสร้างสุขให้ตัวเองเล็กๆ น้อยๆ โดยการเอาหนังแนวน่ารักๆ ว่าด้วยหมาเก่งกีฬามาดูคลายเครียดซักหน่อยล่ะนะครับ
ตอนแรกก็ชั่งใจอยู่ว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้ดีไหม เพราะว่าตามจริงผมก็ไม่ถึงกับชอบอะไรมากครับ แต่พอคิดไปคิดมามันก็มีประเด็นชวนให้เขียน เนื่องด้วยผมเขียนเกี่ยวกับหนังคริสต์มาสไปหลายเรื่อง เลยทำให้เรื่องนี้มันมีอะไรที่สอดคล้องกับประเด็นที่ผมกำลังสังเกตอยู่พอดี
ถ้าถามถึงหนังเรื่องโปรด Top Ten ของผมแล้ว Back to the Future คือหนึ่งในนั้นแน่นอนครับ เพราะเป็นหนังที่เอามาเปิดดูซ้ำบ่อยมากจนตอนนี้น่าจะใกล้ๆ 100 ครั้งแล้วล่ะครับ มันชอบแบบสุดชีวิตจริงๆ
เมื่อพูดถึงหนังวันคริสต์มาสแล้ว ก็มีทั้งที่ผมชอบมากๆ หรือไม่ก็เฉยๆ และก็มีอีกไม่น้อยเหมือนกันที่เกือบจะชอบอยู่แล้วเชียว ถ้าได้นั่นอีกนิดนี่อีกหน่อยก็คงดี หนังก็คงกลมกล่อมอร่อยลิ้นมากขึ้นเยอะ ซึ่ง Christmas Eve เรื่องนี้ก็เป็นหนังที่อยู่ในข่ายนั้นครับ
ตามปกติลุง Woody Allen จะทำหนังออกมาให้เราได้ชมกันปีละครั้งครับ ส่วนเรื่องนี้ทำออกมาตั้งแต่ปี 2015 แต่เพิ่งมีการออกแผ่นมาให้ได้ยลกัน (ไปๆ มาๆ ได้ดูหลัง Café Society ที่ฉายปี 2016 อีกนะนั่น)
ตอนดูตัวอย่างก็มองว่านี่จะเป็นหนัง Home Alone เวอร์ชั่นโหดครับ นึกว่าเป็นเรื่องของเด็กที่อยู่บ้านกับพี่เลี้ยงเพียงลำพัง แล้วมีโจรบุกอะไรแบบนั้น แต่พอดูแล้วเนื้อเรื่องมันไม่ใช่แบบนั้นแฮะและไปๆ มาๆ มันก็ดูโหดกว่าที่คาดด้วย
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกหลากอารมณ์ผสมๆ กันครับ แม้หน้าหนังจะว่าด้วยวันคริสต์มาส แต่ตัวหนังไม่ได้มาในแนว Feel Good ไม่ได้เต็มไปด้วยความแฮ้ปปี้แบบหนังเทศกาลทั่วๆ ไป แต่มันออกมาแนวตลกร้ายน่ะครับ