เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของภาคหลักหนังชุด Mr.Vampire ครับ ก็จะนับว่าเป็นภาค 3 แต่หากว่ากันตามลำดับการสร้างของแฟรนไชส์ Mr.Vampire แล้ว (ประมาณว่านับรวมทั้งภาคหลักและภาคแยก) ก็จะถือว่าเป็นลำดับที่ 4 ครับ
เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของภาคหลักหนังชุด Mr.Vampire ครับ ก็จะนับว่าเป็นภาค 3 แต่หากว่ากันตามลำดับการสร้างของแฟรนไชส์ Mr.Vampire แล้ว (ประมาณว่านับรวมทั้งภาคหลักและภาคแยก) ก็จะถือว่าเป็นลำดับที่ 4 ครับ
ภาคต่อที่เหมือนจะเกี่ยวกับภาคแรกครับ เพราะคนเล่นเป็นอาจารย์อู๋ก็กลับมาเล่นอีก (แต่ทำท่าจะเป็นบทใหม่) ส่วนผีร้ายก็หน้าเดิม แต่เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมครับ อาจารย์ปราบผีหนึ่งคนกับลูกศิษย์คู่หนึ่งต้องคอยรับมือกับผีชนิดต่างๆ อย่างผีสาวที่ต้องการเจ้าบ่าว และเจ้าผีดิบตัวร้ายตัวเดิมนั่น ตอนท้ายก็ปราบกันไป
เรื่องนี้ถือเป็นหนังลำดับที่ 3 (หากว่ากันตามลำดับการสร้าง) ของแฟรนไชส์ Mr.Vampire ครับ ประมาณว่าเป็นภาคแยกแตกเรื่องออกมา แต่จะไม่ได้นับเป็นภาคต่อของ Mr.Vampire ภาคหลักครับ
ภาคต่อที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาคแรกคับ เพราะย้ายมาเล่าเรื่องที่เกิดในโลกยุคปัจจุบัน เมื่อมีนักโบราณคดีไปขุดพบศพผีดิบพ่อแม่ลูกที่โดนติดยันต์เอาไว้ พวกเขาเลยตั้งใจจะเอาศพเหล่านี้มาขายทำเงิน แต่ปรากฎว่าพอยันต์หลุดศพก็ฟื้นครับ เลยเกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา ขณะเดียวกันศพเด็กก็พลัดโดดออกไปเจอกับเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งเข้าด้วย
ต้นตำรับหนังผีจีนระดับตำนานครับ นำโดย หลินเจิ้นอิง ที่ผููกขาดบทปรมาจารย์ผีกัดหลังจากความดังของหนังเรื่องนี้ โดยเขามารับบทเป็นอาจิ่ว นักปราบผีประจำเมืองที่ได้รับการไหว้วานจากเถ้าแก่เหยิน มหาเศรษฐีคนดังให้ช่วยย้ายหลุมศพบรรพชนตามคำสั่งของซินแสที่เขารู้จักเมื่อ 20 ปีก่อน
ในยุคที่จินตนาการสดใหม่เริ่มเกิดขึ้นยาก ทางออกสำหรับอะไรก็ตามที่ต้องอาศัยจินตนาการ (เช่น ภาพยนตร์) ก็คือการต่อยอดจินตนาการเดิม เติมเต็มส่วนที่ไม่ถูกพูดถึงเอามาขยายความกัน
Much Ado About Nothing คือบทละครแนวสุขนาฏกรรมของ William Shakespeare ที่ Kenneth Branagh นำมาดัดแปลงและกำกับ พร้อมด้วยแสดงนำครับ
บางทีหากเราดูหนังโดยรู้ว่าคนกำกับคือใคร เราก็อาจรู้สึกต่อหนังลึกกว่าที่ตาเห็น
The Other Woman ดูแล้วได้อารมณ์เหมือน The First Wives Club เลยครับ พล็อตก็ใกล้ๆ กัน ว่าด้วย 3 สาวที่หาทางแก้เผ็ดผู้ชายมักมาก แต่ที่ต่างก็คือเรื่องนี้ 3 สาวจะอายุน้อยกว่า และประกอบด้วย 1 เมียหลวงกับ 2 กิ๊ก (ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นกิ๊ก)
The Lost Boys ถือเป็นของดีแห่งยุค 80 ครับ เป็นหนังแวมไพร์วัยรุ่นที่ทำออกมาได้มันส์ สยอง ตื่นเต้น และผสมอารมณ์ขันลงไปแบบพอเหมาะ เป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การดูมากๆ ทีเดียว