ผมดูหนังเรื่องนี้ท่ามกลางความสับสนอลหม่านในดวงจิตครับ คือรู้สึกว่า 2 – 3 ปีให้หลังมานี่เฮีย Bruce Willis ชักจะโดดมาเล่นหนังเกรดประมาณเดียวกับพี่ Nicolas Cage มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ
ผมดูหนังเรื่องนี้ท่ามกลางความสับสนอลหม่านในดวงจิตครับ คือรู้สึกว่า 2 – 3 ปีให้หลังมานี่เฮีย Bruce Willis ชักจะโดดมาเล่นหนังเกรดประมาณเดียวกับพี่ Nicolas Cage มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ
เหตุผลในการดูคืออยากเห็นเจ้าป้า Sally Field มาแสดงในบทปล่อยแก่แบบน่ารักๆ ครับ และผมก็ไม่ผิดหวังนะ เธอเล่นได้ดีและน่ารักกำลังเหมาะทีเดียว
หนังฮาตามสไตล์เจ๊ Melissa McCarthy ครับ เรื่องนี้เจ๊เขารับบท มิเชลล์ ดาร์เนลล์ เด็กกำพร้าที่พอถูกรับไปเลี้ยงที่บ้านไหน บ้านนั้นก็เลี้ยงเธอได้แค่ไม่นาน จนเธอไม่สนคำว่า “ครอบครัว” อีกต่อไป และหันมาก่อร่างสร้างตัว ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
จู่ๆ ผมก็หยิบหนังเรื่องนี้มาดู (หลังจากเอามาดองไว้นานพอดู) ระหว่างดูก็ถามตัวเองว่าอารมณ์ไหนถึงอยากดู แล้วก็พอจะได้คำตอบเลาๆ ว่า สงสัยคงเพราะเห็นข่าวเลือกตั้งของสหรัฐบ่อยมั้ง
หนังดราม่าผสมตลกที่ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นสไตล์ “แม่ๆ ลูก” แต่เอาเข้าจริงแล้วหนังมาเน้นที่ตัวคุณแม่ครับ ส่วนคุณลูกออกแนวบทสมทบเสริมเรื่องราวมากกว่า
พอมาลองนึกๆ ดูแล้ว ผมว่าผมจำ Clive Owen ได้แบบแม่นๆ จากบทอาร์เธอร์ใน King Arthur ครับ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ห่างหายจากบทอัศวินทำนองนี้ไปเลย จนกระทั่งมาถึงเรื่องนี่นี่แหละ
บอกตรงๆ ว่าก่อนจะดูหนังเรื่องนี้ผมพยายามสะกดจิตตัวเองอยู่พอสมควรนะครับ พยายามบอกตัวเองว่าหนังที่พี่ Nicolas Cage นำแสดง แล้วมีฉากหลังเป็นเมืองลาสเวกัสน่ะ มักจะออกมาเวิร์ก ไม่มากก็น้อย (พยายามน่าดูเลยแฮะ 555)
Committed เป็นหนังที่ชวนให้นึกถึง Before Sunrise กับ Before We Go ครับ เรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง (Orestes Sophocleous) ที่กำลังจะไปขอแฟนแต่งงาน แต่ใจจริงเขายังไม่อยากแต่งครับ แต่โดนหลายๆ อย่างกดดันให้จำต้องทำ
อีกหนึ่งหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจที่สร้างจากเรื่องจริงของ เจสซี่ โอเว่น นักวิ่งผิวสีที่เดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1936 ที่จัดในในประเทศเยอรมนี อันเป็นยุคสมัยที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีกำลังเรืองอำนาจ
เรื่องนี้ถือเป็นหนังที่ทำให้ผมตระหนักเลยว่า แม้หนังบางเรื่องจะมีคนชอบแบบล้มหลามแค่ไหนก็ตาม แต่หนังเรื่องนั้นอาจไม่ใช่หนังที่เราจะชอบมากมายเหมือนคนอื่นก็ได้