ป้ายกำกับ: หลิวเต๋อหัว

จอมโจรหัวใจไม่ลวงรัก (2004) A World Without Thieves

จอมโจรหัวใจไม่ลวงรัก หรือ A World Without Thieves เล่าเรื่องของคู่รักจอมโจร หวังโป (หลิวเต๋อหัว, Andy Lau) และหวังลี่ (หลิวรั่วอิง, Rene Liu) ที่เพิ่งเสร็จงานแบล็คเมล์คนรวยมาหมาดๆ แล้วพวกเขาก็ได้พบกับช่างไม้แสนซื่อ (หวังเป่าเฉียง, Baoqiang Wang) ที่หวังจะหอบเงินที่ตนหาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงกลับบ้านไปแต่งเมีย

สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร (2008) Three Kingdoms: Resurrection of the Dragon

สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร จับเอาเรื่องราวของยอดขนพุลแห่งจ๊กก๊กอย่างจูล่ง (หลิวเต๋อหัว, Andy Lau) มาต่อยอด ดังนั้นหากดูแล้วรู้สึกไม่คุ้นหรือรู้สึกว่ามันต่างจากประวัติศาสตร์ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะมันมีการต่อเสริมเติมแต่งเพิ่มอะไรต่อมิอะไรจากที่เราๆ เคยรู้เคยอ่านกันมา

สองหัวใจยังไงก็ไม่เหงา (2009) Look For A Star

Look For A Star หนังรักดูง่าย แต่เนื้อหาก็ไม่ได้เบาซะทีเดียวครับ เรียกว่าเป็นส่วนผสมระหว่างโรแมนติกเบาสมองบวกกับดราม่าหน่อยๆ ที่แม้จะไม่ถึงกับอร่อยสุดๆ แต่ก็ดูได้เรื่อยๆ

คนคมถล่มนิวเคลียร์ (2020) Shock Wave 2

แม้จะใช้ชื่อว่า Shock Wave 2 และได้เฮียหลิวเต๋อหัวกับผู้กำกับ Herman Yau อีกทั้งดาราหน้าเดิมบางส่วนกลับมาร่วมงานกันก็ตาม แต่เนื้อเรื่องในภาคนี้กับภาคแรกไม่ได้เกี่ยวข้องกันครับ เรียกว่าคนละตัวละครคนละเรื่องกันเลย

คนคมล่าระเบิดเมือง (2017) Shock Wave

Shock Wave ว่าด้วยเรื่องของ จางไจ้ซาน (หลิวเต๋อหัว) เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ระเบิดที่ปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมอยู่ในแก๊งโจรที่มีหัวหน้าคือ หงจี้เผิง (Wu Jiang) หลังพวกโจรลงมือปล้นแล้วจางไจ้ซานก็เปิดเผยตัวตนเพื่อจับกุมครับ แต่เขาจับคนในแก๊งได้แค่บางส่วน ในขณะที่หงจี้เผิงหลบหนีไปได้

โหดตามพินัยกรรม (1988) The Dragon Family

เรื่องราวของสกุลหลงที่เคยเป็นมาเฟียมาก่อนครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพ่อผู้เป็นเสาหลักของตระกูลก็รู้สึกว่าการทำธุรกิจผิดกฎหมายแบบนี้มันรังแต่จะทำให้ครอบครัวตกอยู่ในโลกแห่งการฆ่าฟัน เลยผลักดันให้ลูกๆ หันไปทำธุรกิจถูกกฎหมาย แต่ทีนี้ก็มีมาเฟียวายร้ายอย่างอาฉี (ฉีเส้าเฉียน) มาพร้อมแผนการล้างบางสกุลหลงและฮุบทุกสิ่งมาไว้ในมือตนเอง

โคตรเซียนมาเก๊าเขย่าเวกัส 3 (2016) From Vegas to Macau III

จบครบไตรภาคจนได้ครับสำหรับหนังชุดนี้ ซึ่งภาคแรกผมว่ายังโอเคนะ ทำออกมาสนุกในระดับกลางๆ แต่พอมาภาค 2 นี่ออกแนวเลอะซะเยอะ เนื้อเรื่องจริงๆ มันเหมือนจะมีอะไรอยู่ไม่น้อย แต่ดันเล่าให้มันไม่มีประเด็นไปซะงั้น และเน้นมุกขำที่บางทีก็ไม่ค่อยขำซะครึ่งค่อนเรื่อง