History Erased ถือเป็นสารคดีที่น่าสนใจครับ เนื้อหาของแต่ละตอนคือการตั้งคำถามว่า หากโลกนี้ปราศจากบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน และอารยธรรมของมนุษย์จะต้องสะดุดมากน้อยแค่ไหน
History Erased ถือเป็นสารคดีที่น่าสนใจครับ เนื้อหาของแต่ละตอนคือการตั้งคำถามว่า หากโลกนี้ปราศจากบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน และอารยธรรมของมนุษย์จะต้องสะดุดมากน้อยแค่ไหน
The Conference หนังเชือดเลือดสาดจากสวีเดนครับ ซึ่งก็จัดว่าดูได้เรื่อยๆ ไม่ถึงขั้นเยี่ยมแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร
การตามมาดู The Nun II นี่ สำหรับผมเหมือนทำตามหน้าที่น่ะครับ ไหนๆ ก็ตามดูจักรวาล The Conjuring มาถึงป่านนี้แล้ว เขาทำออกมาก็ตามดูกันต่อไป โดยที่ใจนั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ยิ่งรู้ว่าหนังกำกับโดย Michael Chaves แห่ง The Curse of La Llorona และ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ความคาดหวังยิ่งลดลงไปใหญ่
The Kingdom of Ingredients เป็นรายการสารคดีเกี่ยวกับอาหารจากประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งเรื่องของกินนี่ของชอบของผมอยู่แล้ว และกลายเป็นว่าผมตกหลุมรักสไตล์ของรายการนี้ครับ การนำเสนอมันช่างละมุนละม่อม บางครั้งก็เรียบง่าย บางครั้งก็กินใจ หรือบางตอนก็ทำเอาน้ำตาซึมไปเลยก็มี
ผมเป็นคนชอบเรื่องลึกลับครับ ทั้งลึกลับแบบสืบสวนคดีฆาตกรรม หรือลึกลับแบบเรื่องพิสดารเหนือธรรมชาติล้วนเป็นของโปรดสำหรับผมทั้งสิ้น และแน่นอนว่า The UnXplained ก็เป็นหนึ่งในรายการที่ผมสนุกสนานในการติดตามดูครับ
ไปๆ มาๆ ผมรู้สึกโอเคกับ Annabelle Comes Home มากกว่าที่คิดครับ ตามความรู้สึกเลยคือหนังอาจไม่ได้สนุกเข้าท่าเท่าภาค 2 แต่ก็มีอะไรมากกว่าภาคแรก ซ้ำยังมีอะไรที่น่ารักและน่าจดจำอยู่พอสมควร – บางคนอาจบอกว่า “นี่หนังผีไม่ใช่เหรอ? มีอะไรน่ารักด้วยเหรอ?” คำตอบคือ ใช่ครับ มันมีอยู่
ตอนแรกผมก็เข้าใจว่า The Curse of La Llorona นี่อยู่ในจักรวาลเดียวกับ The Conjuring น่ะนะครับ แต่ไปๆ มาๆ มันกลับไม่เชิงเป็นแบบนั้นแฮะ… เดี๋ยวเราจะมาว่าเรื่องนี้กันอีกทีครับ
นี่คืออนิเมชั่นที่ผมรักอย่างสุดหัวใจครับ มีกี่ดาวให้หมดใจ เต็ม 10 ให้ 10 เต็ม 100 ให้ 100 ไปเลย
ดีใจเสมอครับที่ได้ดูหนังแนวนี้ – หนังแนวดราม่าย้อนยุคไปวันวาน บอกเล่าถึงช่วงหนึ่งของชีวิตคน ได้รับรู้ความสุขความทุกข์ในชีวิตของพวกเขา พร้อมทั้งประสบการณ์อันจะกลายมาเป็นความทรงจำ นี่ล่ะครับถือเป็นแนวหนึ่งที่ผมโปรดปรานอย่างยิ่ง
The Boogeyman ถือเป็นหนังสยองระดับกลางๆ ครับ คือดูได้เรื่อยๆ มีเนือยอยู่หลายช่วงเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจล่ะครับว่าคนทำคงอยากบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครให้ครบถ้วนตามสิ่งที่อยากนำเสนอ ดังนั้นถ้าจะให้นิยามแนวของหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นดราม่าผสมลึกลับสยองขวัญ – ว่าง่ายๆ คือดราม่าจัดว่าเยอะอยู่ครับ