เมื่อพูดถึง Mechanic: Resurrection ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ดูนานแล้วเมื่อตอนลงโรงแต่ก็ไม่ได้เขียนถึง ส่วนหนึ่งถ้าให้บอกตรงๆ ก็คือดูแล้วไม่ได้โดนอะไรมาก ไว้แผ่นออกค่อยดูกันก็ได้
เมื่อพูดถึง Mechanic: Resurrection ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ดูนานแล้วเมื่อตอนลงโรงแต่ก็ไม่ได้เขียนถึง ส่วนหนึ่งถ้าให้บอกตรงๆ ก็คือดูแล้วไม่ได้โดนอะไรมาก ไว้แผ่นออกค่อยดูกันก็ได้
ผมเชื่อเสมอครับว่าหนังที่จะครองใจคนดูได้ไม่จำเป็นต้องสดใหม่ หรือต้องมีอะไรไม่เหมือนใครเสมอไป บางทีการปรุงภาพยนตร์สูตรเดิมๆ ให้มันถึงเครื่อง คนดูก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับแล้วล่ะครับ
นี่ถือเป็นหนังแนวแอ็กชันสายลับแบบที่เราเคยพบเจอกันมานานพอสมควรแล้วครับ ทางเดียวกับ Jason Bourne แล้วก็ Salt เลย ซึ่งการมาของหนังเรื่องนี้ในตอนนี้ก็อาจจะบอกได้ว่า ออกจะช้าไปพอสมควร
ดูชื่อไทยแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นภาคหนังใหญ่ของน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์นะครับ ไม่ได้มีส่วนใดๆ เกี่ยวข้องทั้งเนื้อเรื่องและอื่นๆ
อีกหนึ่งผลงาน $100 ล้านของแม่สาวยิ้มมหาเสน่ห์ Julia Roberts ซึ่งสร้างจากนิยายแนวระทึกขวัญขายดีแห่งปี 1987 ของ Nancy Price ชื่อเดียวกับหนังเลยครับ
หนังโรงหลายเรื่องที่ผมดูแล้วก็เอาแต่เก็บเงียบไม่ยอมมารีวิวซะที แต่พอดีช่วงนี้ปะเหมาะครับ เลยจะค่อยๆ ทยอยเริ่มจากหนัง 3D เรื่องนี้
โธมัส รี๊ด (Vincent Ventresca) หมอหนุ่มที่ต้องสูญเสียภรรยาไปในอุบัติเหตุเมาแล้วขับ เขาเลยต้องโทษจำคุก พอออกมาแล้วเขาก็กะจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ในเมืองที่ชื่อว่า เพอกาโทรี่ แฟล็ตส์ ที่นั่นเขาได้พบกับสาวเว็กซี่เสน่ห์แรง นามว่าซันนี่ (Alexandra Holden) แล้วยังมีชายอารมณ์ดีแต่ทางท่าเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ นามว่า ดีน (Gregg Henry)
ถ้าจะให้ง่ายต้อการจำกัดความ หนังเรื่องนี้ถือได้ว่าเดินเรื่องในแนว Rear Window นั่นแหละครับ เมื่อคู่รักคู่หนึ่งย้ายเข้าไปในบ้านในฝันที่พวกเขาหมายมั่นจะอยู่มานาน แต่แล้วเรื่องดีๆ กลับกลายเป็นความสะพรึงเพราะเมื่อสังเกตเพื่อนบ้านแล้ว ก็ให้สงสัยว่าพวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม!
ครับ หัวเราะแบบนี้บอกเป็นนัยว่าหนังมันมีอะไรทำนองที่ท่านสุภาพบุรุษอาจจะชอบนะครับ ผมก็ไม่ได้อะไรมากหรอกครับ เพราะมันหาได้ในรูปแบบ VCD แล้วพอเขากล้าทำออกมา ผมก็กล้าเอามาลงครับ อีกอย่างจะบอกว่าติดเรตไหมสำหรับบล็อคผม ก็ไม่ต้องห่วง เพราะแผ่นที่มันอกมาในบ้านเราน่ะเซ็นเซอร์เรียบวุธ!
หลังจาก Hancock ทำเอาผมปรับอารมณ์ไม่ถูกเนื่องจากครึ่งแรกเป็นแนวทางฮีโร่ ส่วนครึ่งหลังแหกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งผมชอบครึ่งแรกมากกว่าน่ะครับ ครึ่งหลังมันแหวกไปนิด แม้จะใหม่แต่ยังไม่กลมกล่อม (ถ้าเกลาอีกนิดท่าจะดี)