การกลับมาของเหล่าคนอมตะที่นำโดยแอนดี้ (Charlize Theron) ที่หนนี้ต้องเผชิญกับคนจากอดีตอย่างควินห์ (Veronica Ngo) รวมถึงวายร้ายอย่างดิสคอร์ด (Uma Thurman) งานนี้แอนดี้เลยต้องผนึกกำลังกับผองเพื่อนเพื่อเอาชนะมัน
การกลับมาของเหล่าคนอมตะที่นำโดยแอนดี้ (Charlize Theron) ที่หนนี้ต้องเผชิญกับคนจากอดีตอย่างควินห์ (Veronica Ngo) รวมถึงวายร้ายอย่างดิสคอร์ด (Uma Thurman) งานนี้แอนดี้เลยต้องผนึกกำลังกับผองเพื่อนเพื่อเอาชนะมัน
ตอนดูรอบแรกยังไม่ถึงกับชอบอะไรมากครับ ครั้นพอเอามาดูใหม่ก่อนดูภาค 2 ก็รู้สึกสนุกกับหนังมากขึ้น
พูดตรงๆ นะครับ ตอนแรกผมไม่นึกนะว่าหนังชุดนี้จะสนุก และที่ไม่เชื่อยิ่งกว่าก็คือ ไม่เชื่อว่ามันจะยิ่งทำยิ่งสนุกแบบนี้
ดูเรื่องนี้ท่ามกลางความไม่คาดหวังครับ เพราะหนังโดนบ่นมาเยอะแล้ว ก็กะดูไปตามหน้าที่ ครั้นพอดูแล้วก็บังเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา นั่นคือ “ผมอยากนอน” ครับ
ถ้าให้จำกัดความภาคนี้ ผมว่าทิศของหนังน่ะมาถูกทางครับ เพียงแต่ยังเล่าเรื่องได้ไม่ถึงรสเท่านั้นแหละ
หนึ่งในหนังซูเปอร์ฮีล่มจาก DC ครับ ล่มหนักกันไปเลย เพราะทำเงินแค่ $10 ล้าน แต่ทุนสร้างน่ะ $47 ล้านครับ
เรื่องนี้ก็ดูแบบไม่คาดหวังครับ แต่ขณะเดียวกันในใจก็พอจะเดาอะไรๆ ได้ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง ไม่ว่าจะตัวเอกที่ออกแนว Loser หน่อยๆ แล้วก็กำลังพยายามสร้างความสำเร็จให้กับชีวิตโดยการหางานดีๆ ทำ แล้วก็จับพลัดจับผลูต้องกลายมาเป็นฮีโร่แบบไม่ทันตั้งตัว
ผมจำได้ว่าก่อน The Flash จะฉายนั้นมีกระแสเชิงบวกมากมายว่าหนังสนุกมาก ดีมาก แต่พอออกฉายหนังกลับไปไม่ได้ไกล ครั้นพอได้ดูก็พอเข้าใจน่ะครับ คือหนังมันก็สนุกใช้ได้นั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้ว้าวอะไร คือดูสนุกตามมาตรฐานของหนังซูเปอร์ฮีโร่ – ว่าตรงๆ ก็คือ สนุกตามมาตรฐาน แต่ไม่ได้พิเศษอะไร
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอิ่มตัวกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ครับ คือหยุดดูไปเลยพักใหญ่ๆ ของ Marvel นี่ถ้าเป็นหนังดูถึง Black Panther: Wakanda Forever ส่วนซีรี่ส์นี่หยุดอยู่ที่ Ms. Marvel ในขณะที่ฟาก DC นี่ล่าสุดคือ Black Adam ครับ – ซีรี่ส์ Peacemaker ก็ยังไม่ได้ดู
เด็กที่ถูกทดลองกลุ่มหนึ่งพยายามหลบหนีจากการตามล่าขององค์กรที่ทดลองพวกเขาน่ะครับ ขอเล่าสั้นๆ ประมาณนี้เลย เพราะเรื่องราวในหนังมันก็มีอยู่ประมาณนี้แหละ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้เลย