ภาคแรกดูเอามันส์และภาพสวยนะครับ พอมีภาค 2 ออกมาก็อีหรอบเดียวกันครับ ยังคงดูสนุกได้แบบไม่ต้องคิดมาก ดูเอาเพลิน เหมาะสำหรับจะใช้มันปลดปล่อยวิญญาณรักการผจญภัยในตัวคุณได้อย่างดีเลยล่ะครับ
ภาคแรกดูเอามันส์และภาพสวยนะครับ พอมีภาค 2 ออกมาก็อีหรอบเดียวกันครับ ยังคงดูสนุกได้แบบไม่ต้องคิดมาก ดูเอาเพลิน เหมาะสำหรับจะใช้มันปลดปล่อยวิญญาณรักการผจญภัยในตัวคุณได้อย่างดีเลยล่ะครับ
แม้ชื่อจะเหมือนนิยาย Jules Verne และพล็อตก็เหมือน แต่เนื้อในก็ได้รับการดัดแปลงให้เข้าสมัยและดูง่ายขึ้นครับ ว่าด้วยเทรเวอร์ แอนเดอร์สัน (Brendan Fraser) กับฌอน (Josh Hutcherson) หลานชายของเขาร่วมเดินทางกันค้นหาร่องรอยพ่อของฌอนที่หายตัวไปแถบเทือกเขาในไอซ์แลนด์ โดยมีไกด์สาวนามว่าฮันน่าห์ (Anita Briem นางเอกของเรื่องซึ่งน่ารักมากทีเดียวครับ) คอยนำทางไป
The Giver ว่าด้วยโลกอนาคตที่ซึ่งสังคมเน้นความเท่าเทียม และขจัดอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนออกไป ทุกคนใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปตามกฎระเบียบที่เบื้องบนกำหนด
สารภาพว่าผมไม่ได้สนใจหนัง The Lazarus Effect เท่าใดนักตอนได้ยินรายละเอียดครั้งแรกๆ เพราะฟังแล้วก็ชวนให้นึกถึง Re-Animator บวกด้วย Event Horizon เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรแปลกใหม่ชวนดูสักเท่าไร
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า Chappie คือหนังที่มีแก่นหลักว่าด้วย “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง”
มีอยู่วันหนึ่งคุณอาสุวิทย์ ขาวปลอดโทรมาบอกว่าอยากให้ผมดูหนังเรื่องหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าระหว่างดูพยายามอย่าเดาเรื่อง แค่ดูไปเรื่อยๆ ก็พอ… หนังเรื่องนั้นก็คือ Predestination
Europa Report มาในแนวหนังไซไฟแบบ Found Footage ว่าด้วยกลุ่มนักบินอวกาศที่ออกไปสำรวจดวงจันทร์ดวงที่ 4 ของดาวพฤหัสที่อาจมีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
กะอยู่แล้วครับว่า Robot Overlords จะมีผลออกมาประมาณนี้ ^_^
สำหรับผมแล้ว Absolutely Anything น่าสนใจเพราะหนังกำกับโดย Terry Jones หนึ่งในดาวตลกอังกฤษคณะ Monty Python ที่พี่แกมีจินตนาการสนุกๆ และเพี้ยนๆ เอามาบอกเล่าให้แก่คนดูอยู่เรื่อยๆ
Young Ones มาพร้อมพล็อตที่น่าสนใจไม่น้อยครับ เรื่องของโลกอนาคตที่ “น้ำ” กลายเป็นของหายาก แผ่นดินแห้งแล้งไร้ชีวิต ผู้คนจึงพากันแย่งชิงครอบครอง “น้ำ” ซึ่งมีค่ากว่าทองคำซะอีก (เพราะขาดทองยังอยู่ได้ แต่ขาดน้ำก็ถึงตายน่ะครับ ^_^)