Death Race: Inferno ภาคนี้ต่อจากภาค 2 ครับ (แต่ก็ยังเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าของภาคแรก) หลังจากคาร์ล ลูคัส (Luke Goss) แจ้งเกิดในฐานะ “แฟรงเกนสไตน์” นักซิ่งท้าตายแห่งเรือนจำที่ผู้ชมทั่วโลกต่างชื่นชอบ
Death Race: Inferno ภาคนี้ต่อจากภาค 2 ครับ (แต่ก็ยังเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าของภาคแรก) หลังจากคาร์ล ลูคัส (Luke Goss) แจ้งเกิดในฐานะ “แฟรงเกนสไตน์” นักซิ่งท้าตายแห่งเรือนจำที่ผู้ชมทั่วโลกต่างชื่นชอบ
Death Race 2 ถือเป็นภาคบีกินนิ่งของเรื่องราวครับ ในภาคแรกนั้นพี่ Jason Statham ของเราติดคุก แล้วพัสดีก็บังคับให้เขามาสวมหน้ากาก รับบท “แฟรงเกนสไตน์” นักแข่งรถท้าตายที่ดังที่สุดของเรือนจำ
ถ้าอยากดูหนังมันส์แต่ไม่รู้จะดูอะไร ก็งัดของเก่ามาดูครับ เพราะปีก่อนมีหนังมันส์เข้าตา 3 เรื่อง ได้แก่ John Wick, The Equalizer แล้วก็ Lucy
ดูแล้วสมหวังจริงๆ ครับสำหรับ Pixels
ได้ข่าวมาว่าภาคต่อไปของหนังชุด Divergent (อันจะเป็นภาคจบ) จะถูกหั่นงบลงครับ เนื่องจากภาคนี้ทำเงินไม่เข้าเป้าอย่างแรง ลงทุนไปประมาณ $110 ล้าน แต่เพิ่งทำเงินคืนมาได้เพียง $136 ล้าน นี่คือนับจากทั่วโลกแล้วนะครับ (ถ้าเฉพาะในอเมริกาก็ยังทำไปไม่ถึง $60 ล้านเลยครับ)
ผมเชื่อว่าคนที่โปรดปราน Divergent ก็น่าจะโอเคกับ Insurgent ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
Divergent เป็นหนังที่ผมดูตั้งแต่มันเข้าแรกๆ เลยครับ ซึ่งความเห็นเบื้องต้นคือ ผมก็โอเคอยู่ครับ หนังดูเพลินดีไม่น้อย
ผมแน่ใจว่าผู้กำกับส่วนใหญ่เวลาตั้งใจทำหนังสักเรื่องหนึ่งขึ้นมา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานชิ้นแรกๆ ที่เขาหมายมั่นให้มันเป็นงานชิ้นแจ้งเกิด) เขาย่อมทุ่มเทแบบเต็มพิกัด เพื่อให้งานออกมาดี เป็นที่ยอมรับ และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานของฮอลลีวู้ด
พอได้ดูจบแบบครบถ้วนแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมหนังถึงไปไม่ได้ไกลเท่าไรในอเมริกา ซ้ำยังถูกถอดกลางอากาศในบ้านเรา เล่นเอาแฟนเอ็กซ์ไฟล์สวดผู้นำเข้าเป็นการใหญ่ เพราะมันเสียความรู้สึกน่ะครับ เล่นโฆษณาทุกอย่างพร้อม ดันไม่ยอมฉายซะอย่างนั้น ส่วนประเด็นที่ว่าหนังดีหรือไม่ก็ให้คนดูเสียเงินไปตัดสินเองน่าจะดีกว่า
ในบรรดาค่ายนักสร้างหนังและสร้างการ์ตูนทั้งหลายนี่ในอเมริกานี่ผมยกให้ Pixar เป็นที่หนึ่งแบบเต็มๆ เพราะผลงานเขาทำอย่างตั้งใจไม่ลวกจิ้ม มีสาระดี เทคนิคภาพน่ะหายห่วงครับ สวยงามและก็มีแทรกศิลป์ลงไปด้วย ยิ่งทำมากเรื่องความหมายในภาพก็ยิ่งเพิ่มตามลำดับ