ในฐานะที่ตามดูหนังพี่ต้อม ยุทธเลิศมาสิบกว่าปี ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดเสมอยามดูหนังของพี่เขาคือ หนังมักจะมีจุดโดนๆ ในช่วงต้น พอมาถึงกลางเรื่องก็มักจะมีจุดที่ทำให้รู้สึกแย้งในใจเล็กๆ หรือรู้สึกว่า “มันไม่ใช่แฮะ”
ในฐานะที่ตามดูหนังพี่ต้อม ยุทธเลิศมาสิบกว่าปี ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดเสมอยามดูหนังของพี่เขาคือ หนังมักจะมีจุดโดนๆ ในช่วงต้น พอมาถึงกลางเรื่องก็มักจะมีจุดที่ทำให้รู้สึกแย้งในใจเล็กๆ หรือรู้สึกว่า “มันไม่ใช่แฮะ”
Burying the Ex ถือเป็นหนังซอมบี้ตลกร้ายครับ ไม่เหมือน Warm Bodies ที่จะออกแนวซอมบี้โรแมนติก (และแน่นอนว่าผมชอบเรื่อง WB มากกว่าพอสมควร)
ว่าตามจริงผมชอบพล็อตของ The Rewrite ครับ เพราะถ้าปรุงออกมาดีๆ ล่ะก็ หนังจะให้สาระแก่ชีวิต ให้แง่คิดต่อหัวใจ และให้กำลังใจทั้งกับคนที่กำลังมีฝันและคนที่ความฝันกำลังจะหมดอายุลงไป
หนังโรแมนติกเบาสมองดูสบายสไตล์ Hallmark ครับ ^_^
ที่เขาว่ากันว่า “ความคิดมีผลต่อทิศทางของชีวิตเรา” นั้น ถือว่าจริงไม่ใช่น้อยเลยครับ
รู้สึกว่าระยะหลังๆ หนังรักดูจะเข้าโรงน้อยลงนะครับ ไม่ว่าจะรักหวานๆ รักขำๆ หรือรักขมๆ ก็ตาม เรียกว่ามีน้อยจนผมต้องไปพึ่งพาดูหนังหวานๆ จาก Hallmark กันเลยล่ะ
คู่กรรมฉบับนี้มีกระแสแง่ลบเกิดขึ้นจนน่าตกใจ โดยผมเองก็ไม่ได้ไปพิสูจน์ในโรงครับ ต้องรอออกแผ่นแล้วค่อยว่ากัน (เป็นไปได้ว่ารีวิวนี้จะสปอยล์ครับ ดังนั้นถ้าไม่อยากทราบข้ามไปอ่านดาวสรุปได้นะครับ)
ได้ข่าวเหมือนกันครับว่าหนังเล็กๆ เรื่องนี้มีดีไม่น้อย ก็เลยขอลองสักหน่อย
ชื่อตอนสั้น ความยาวก็ไม่มากครับสำหรับภาคนี้ ที่จับเอาเรื่องราวหลังจากบุญชูกับโมลีได้แต่งงานกันและกำลังจะมีลูกในไม่ช้า แต่ก็เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อมีโจรบุกปล้นตลาด ยิงปืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนคุณโมโดนลูกหลงเข้ากลางหลัง โอกาสเป็นตายเท่ากัน
และแล้วบุญชูกับโมลีก็ได้ฤกษ์ร่วมหอลงโรงกันซะที แต่ก็เกิดปัญหาใหญ่ เพราะแม่บุญล้อมต้องการให้โมลีแต่งมาอยู่สุพรรณ ส่วนพี่มานี (พี่สาวของโมลี) ก็อยากให้บุญชูย้ายมากรุงเทพ ทีนี้ด้วยประเพณียังไงฝ่ายหญิงก็ต้องมาอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านเก่าริมคลอง พี่มานีเลยยื่นคำขาดว่าจะยอมปล่อยให้น้องสาวคนเดียวมาอยู่บ้านนอกก็ต่อเมื่อบุญชูสามารถทำให้คลองสะอาด น้ำใสไร้มลพิษ ไม่งั้นก็ไม่ให้ย้ายอะไรทั้งนั้น