แล้วเราก็มาถึงเทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาคพิสดารซึ่งในเชิงเนื้อหาเนิ้อในแล้วโคตรจะไม่ซับซ้อน แต่ในฐานะภาพยนตร์นี่จัดว่าค่อนข้างมีรายละเอียดให้เล่ากันนิดหน่อย
แล้วเราก็มาถึงเทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาคพิสดารซึ่งในเชิงเนื้อหาเนิ้อในแล้วโคตรจะไม่ซับซ้อน แต่ในฐานะภาพยนตร์นี่จัดว่าค่อนข้างมีรายละเอียดให้เล่ากันนิดหน่อย
ช่วงยุค 60 ทางแคนาดาตอนเหนือได้มีการค้นพบ 3 ทหารลึกลับจากโซเวียตที่สามารถรอดจากเหตุการณ์เครื่องบินตกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และในขณะที่ทางการแคนาคาส่งคนมาเพื่อตรวจสอบทหาร 3 รายนี้ กลายเป็นว่า 3 ทหารสามารถแหกจากที่คุมขังและสังหารคนในแคมป์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หน้าหนังคล้ายจะแอ็คชั่น แต่เอาจริงๆ ออกแนวทริลเลอร์สายลับครับ
ภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม จนต้องมีภาค 2 ตามออกมาครับ
เควิน (Shawn Ashmore) กับนาตาลี (Ashley Greene) คือคู่สามีภรรยาที่กำลังพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ (เพราะนาตาลีเคยนอกใจเควินมาก่อน) จนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ซึ่งเคยมีคนตายมาก่อน ราคาเลยถูกมากๆ ครับ โดยพวกเขาก็หวังว่าการเปลี่ยนที่อยู่ครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะทำให้พวกเขากลับมาหวานชื่นกันอีกครั้ง
สำนักชีซาคือแหล่งรวมวายร้ายที่กำเริบเสิบสาน สร้างความเดือดร้อนและฆ่าคนไปมากมาย จนทางวังหลวงได้มอบหมายให้เสนาบดีกรมราชทัณฑ์ หยางเจิ้นอวี่ (เฉาต๋าหัว, Walter Tso, Tso Tat Wah) หาทางปราบปรามสำนักนี้ให้จนได้ โดยใต้เท้าหยางได้ใช้แผนบ่อนทำลายจากภายในครับ โดยให้คนของเขาแทรกซึมเข้าไปเป็นไส้ศึกคอยรายงานความเคลื่อนไหว คอยให้ข่าวลวง และที่สำคัญที่สุดคือคอยยุแหย่ให้คนในสำนักหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ว่าง่ายๆ คือให้พวกมันฆ่ากันเองนั่นแหละ – และสิ่งที่เราจะได้เห็นในหนังก็คือการล่มสลายของสำนักชีซาครับ
หนังในตำนานที่แม้ท่านจะยังไม่เคยดูแต่ก็คงจะคุ้นเคยกันบ้างสำหรับชื่อไทยอย่าง “เทวดาท่าจะบ๊องส์” ซึ่งเรื่องนี้จัดว่าดังมากในสมัยนั้นครับ
ยอมรับนะครับว่าตอนแรกผมคาดหวังเรื่องฉากแอ็คชั่น พวกคิวบู๊มันส์ๆ อะไรประมาณนั้น แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ผมได้จากหนังออกจะเป็นอะไรที่ผิดคาดอยู่หน่อยๆ
ภาคแรกน่าจะดังไปไม่น้อยครับ เลยมีภาค 2 ตามออกมาให้ดูกัน กับหนังแนวแกล้งชาวบ้าน แนว Candid Camera หรือถ้าเรียกแบบเข้าสมัยหน่อยก็คือ Pranks ครับ
อีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับ Jamie Uys แห่ง เทวดาท่าจะบ๊องส์ (The Gods Must Be Crazy) กับหนังตลกสไตล์แกล้งคนออกกล้องครับ