พูดแบบไม่อ้อมค้อมครับว่าใครไม่ชอบหนังที่เดินเรื่องช้าแบบกินบรรยากาศไปเรื่อยๆ และไม่มีจุดเร่งเร้าที่ชัดเจนแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้อาจเข้าข่ายน่าเบื่อสำหรับท่านได้ครับ
พูดแบบไม่อ้อมค้อมครับว่าใครไม่ชอบหนังที่เดินเรื่องช้าแบบกินบรรยากาศไปเรื่อยๆ และไม่มีจุดเร่งเร้าที่ชัดเจนแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้อาจเข้าข่ายน่าเบื่อสำหรับท่านได้ครับ
แม้หน้าหนัง Ex Machina จะว่าด้วยเรื่องของหุ่นยนต์ และพล็อตว่าด้วยคนมาเฝ้าสังเกตทดสอบพฤติกรรมของหุ่นยนต์ แต่เอาเข้าจริงแกนหลักของหนัง คือการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของมนุษย์
รู้สึกจะเป็นหนังที่มีคนดูแล้วเสียงแตกแบบชัดเจนครับ ที่ชอบก็มีบ้าง ที่ไม่ชอบเลยก็มากอยู่ ส่วนผมอยู่โซนกลางๆ แบบกระเดียดไปทางชอบครับ
ท่านเคยจินตนาการไว้ไหมครับว่า ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านเกิดเฮี้ยนมีผีสิงหรือสิงชั่วร้ายเข้าไปอยู่อาศัยแล้วก่อการประทุษร้ายท่านมันจะน่ากลัวแค่ไหน
ลองว่าเป็นเมื่อก่อนตอนต้นยุค 80 ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่านำความสยองมาสู่ผู้ชมเยอะไม่แพ้ใครก็หนีไม่พ้น John Carpenter
ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนสหัสวรรษนะครับ หนังว่าด้วยการสิ้นโลกก็ผุดพรึ่บพรั่บเต็มไปหมด และแนวที่ฮิตมากๆ ก็คืออะไรก็ตามที่ว่าด้วยซาตานกลับมาครองโลก
8MM ว่าด้วย นักสืบทอม เวลเลส (Nicolas Cage) ที่ถูกจ้างให้ไปสืบเกี่ยวกับหนังสนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) ม้วนหนึ่ง ซึ่ง “สนัฟฟ์ฟิล์ม” คือชื่อของหนังประเภทหนึ่งครับ เป็นหนังที่มีฉากการฆ่าที่โหดเหี้ยมมากๆ และประเด็นคือมันไม่ใช่หนัง แต่มันคือการฆ่ากันจริงๆ คนที่ตายก็คือตายจริงๆ
ผู้กำกับ John McTiernan เป็นอีกคนที่มีฝีมือนะครับ เพราะผลงานของเขาส่วนมากจะน่าสนใจทั้งสิ้น ตั้งแต่ Die Hard ภาคแรกและภาคสาม, The Hunt for Red October, The Thomas Crown Affair, Predator, The 13th Warrior และ Medicine Man (ละเรื่อง Rollerball ไว้ในฐานที่เข้าใจครับ อันนั้นมือร่วงแบบผิดคาดจริงๆ)
นี่ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่แนะนำผมให้รู้จักกับแม่สาวหน้าตาไม่เหมือนใครแต่ก็มีเสน่ห์อย่าง Katie Holmes
คนทำหนังแนวนี้ ที่ผมยกให้เป็นแถวหน้า ต้อง Roman Polanski เท่านั้น