Devil’s Advocate เป็นหนังระทึกขวัญที่ผสมสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ (สืบสวน+องค์กรมีลับลมคมใน) เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้อย่างพอเหมาะมากๆ เรื่องหนึ่ง
Devil’s Advocate เป็นหนังระทึกขวัญที่ผสมสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ (สืบสวน+องค์กรมีลับลมคมใน) เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้อย่างพอเหมาะมากๆ เรื่องหนึ่ง
จู่ๆ ตากล้องสาว ลอร่า มาร์ส (Faye Dunaway) ก็มีดวงตาเชื่อมกับฆาตกรโหด ทำให้เธอเห็นว่ามันกำลังลงมือฆ่าใคร เธอจึงรีบติดต่อกับตำรวจเพื่อช่วยในการสืบหาตัวคนร้าย โดยหวังว่าการไขคดีจะสำเร็จก่อนจะเกิดคดีฆ่าครั้งต่อไป และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ก่อนมันจะสาวมาถึงตัวเธอ
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Russell Crowe แกเล่นหนังดีๆ เอาไว้เยอะครับ เสียดายแต่ว่าหนังเหล่านั้นไม่ค่อยดังและไม่ทำเงินสักเท่าไร อย่างเรื่องนี้ก็เข้าอีหรอบนั้นเหมือนกัน
แอบหวังในหนังเรื่องนี้ด้วยชื่อของ Wes Craven ที่คราวนี้นอกจากกำกับแล้วยังควบหน้าที่เขียนบทให้หนังตัวเอง ซึ่งเรื่องล่าสุดที่เขาควบ 2 ตำแหน่งนี้ก็คือ Wes Craven’s New Nightmare ภาคสุดท้ายของหนังนิ้วเขมือบฉบับเก่าที่ถือว่าดีรองจากภาคแรก แต่ไปๆ มาๆ ผลที่ได้กลับไม่สมดังหวังสักเท่าไรครับ
หลังดูภาคนี้จบแล้วผมตระหนักได้อย่างหนึ่งครับว่า หนังชุด Saw 7 ภาคแรกนั้นถือเป็นหนังที่มีศิลปะในการนำเสนอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังชุดนี้มีความแตกต่างจากหนังไล่เชือดและหนังสยองเรื่องอื่นๆ ที่ส่วนมากพอทำออกมาได้ไม่กี่ภาคก็ต้องจบตัวเองลง หรือไม่ก็ทู่ซี้ทำแบบย่ำอยู่กับที่จนกว่ารายได้จะติดตัวแดงกันไป
ในบรรดาหนังที่มีเนื้อหาว่าด้วย “การทะลุเวลา – แก้อดีต – เปลี่ยนอนาคต” ที่ผมโปรดสุดๆ เป็นเรื่องแรกในชีวิต ก็หนีไม่พ้นไตรภาค Back to the Future ส่วนเรื่องต่อมาก็อยากขอยกตำแหน่งให้กับหนังเรื่อง Frequency นี้ครับ
พูดได้เต็มปากว่าผมชอบภาคนี้เป็นอันดับ 2 รองจากภาคแรก
การรีวิว Scream ภาคนี้คงต้องมีการแยกพูดถึง ระหว่างคุณภาพของหนัง กับเรื่องความชอบส่วนตัวครับ
สำหรับหนังสยองหลายๆ เรื่องแล้ว ภาคต่อจะก่อกำเนิดเมื่อภาคแรกทำเงินเยอะพอ แต่กับ Scream แล้ว ไอเดียภาคต่อได้เกิดขึ้นตั้งแต่บทภาพยนตร์ภาคแรกเพิ่งเขียนเสร็จหมาดๆ
นี่คือหนังสยองแนวไล่ฆ่าที่ทำออกมาดีได้ใจคนดู ส่งผลให้หนังดังครับ ในขณะที่ค่ายหนังต่างๆ ก็พากันสร้างหนังแนวสยองไล่ฆ่าตามกันออกมาเป็นพรวน จนจำได้ว่าปีนั้นและถัดมาอีก 2 ปีก็ยังมีหนังแนวนี้ตามออกมาอีกเรื่อยๆ ครับ