หมวดหมู่: Drama

The Revenant (2015) เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด

ผลออสการ์ปีที่ผ่านมานั้นผมว่าผมโอเคกับมันนะ คือหนังที่ได้ไปก็ถือว่าควรค่าแก่การได้รางวัล อย่าง Mad Max นี่ก็ถึงเครื่องมากในเรื่องการทุ่มทุนถ่ายทำ ทีมงานต้องใช้แรงกันหนักโคตรๆ จนรู้สึกว่าหนังคู่ควรกับรางวัลเกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์ทุกสาขาเลย

Ghost in the Shell (2017) โกสต์ อิน เดอะ เชลล์

ผมดูหนังเรื่องนี้โดยไม่เอาอะไรไปเปรียบไปเทียบกับฉบับดั้งเดิม เพราะหากเปรียบแล้วล่ะก็ ฉบับเดิมทำไว้ขลังมาก แม้จะเป็นการ์ตูนก็ตาม แต่มันผสมระหว่างไซไฟ แฟนตาซี ลึกลับ ทริลเลอร์ และดราม่าที่ถึงรสเหลือหลาย (แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกจริต)

ศึกสะท้านภพ สยบบัลลังก์มังกร (2006) The Banquet

ผู้ที่แย่งชิงอำนาจมาอย่างทุจริต ไร้ซึ่งจุดหมายเพื่อคนส่วนใหญ่ มักมีแต่รอยเลือด คราบน้ำตา และความอ้างว้างเป็นบทสรุปในปลายทาง!

A Wish For Christmas (2016)

อีกครั้งกับหนังดูสบายสไตล์ Hallmark ครับ ทำไปทำมาก็ดูท่าว่าผมจะติดใจหนังค่ายนี้แบบเต็มๆ ไปเรียบร้อย เพราะแต่ละเรื่องมันดูสบายจริงๆ ครับ พล็อตไม่ซับซ้อนแต่ก็ไม่โล่งโถงจนหาสาระไม่เจอ

Hearts of Christmas (2016)

หนังโรแมนติกคอเมดี้ดูสบาย ที่มาพร้อมหัวใจอบอุ่นสไตล์วันคริสต์มาสของ Hallmark ครับ ก็เรียกได้ว่าผมดูหนังแนวนี้เป็นระยะๆ เพื่อเติมเต็มความอบอุ่นในใจนั่นเอง

1922 (2017)

ผมคิดเสมอครับว่ายุคหนึ่งเดี๋ยว Stephen King ก็จะกลับมาฮ็อตในวงการหนังอีกครั้ง เหตุผลแรกก็เพราะงานของเขามีดี ร่วมสมัย และส่วนใหญ่จะเหมาะแก่การนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ (ขอเพียงคนทำมือถึงและเข้าใจแก่น ก็โอเคแล้ว)

Gerald’s Game (2017) เกมกระตุกขวัญ

ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมอุทานเลยว่า “แม่เจ้าโว้ย!” เพราะหนังทำออกมาเวิร์กเลยครับ แม้จะเป็นหนังลง Netflix แต่มันทำออกมาได้ดี น่าติดตาม สำหรับผมนี่ถือว่ามันสมการรอคอยเลยทีเดียว

Death of A Cheerleader (1994), เพื่อนฆ่าเพื่อน

เป็นหนังทีวีครับ ออกแนวสอนวัยรุ่นซึ่งอย่างที่ผมเคยบอกครับว่าอเมริกาทำหนังทำนองอุทธาหรณ์สอนใจแบบนี้บ่อยๆ และส่วนมากก็มักจะนำเอาเค้าโครงเรื่องจริงมาสร้างด้วย

Eat Pray Love (2010) อิ่ม มนต์ รัก

เมื่อคนพบเจอปัญหา เราก็มีวิธีจัดการกับมันหลากแบบต่างกันไปครับ บางคนเลือกที่จะหนี บางคนเลือกที่จะเผชิญหน้า บางคนเลือกที่จะค้นหาในกรณีที่ยังหาไม่เจอว่าไอ้ตัวที่ทำให้เราเจ็บช้ำ ต้องระกำใจนั้นคืออะไร