ตรงๆ เลยนะครับ ผมว่าผมต้องใช้ความอดทนพอสมควรกับครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้ สารภาพว่าแอบเบื่อแอบอะไรบ้าง แต่พอดูจนจบแล้วผมกลับโอเคนะ คือมันรู้สึกดีที่ได้ดูหนังเรื่องนี้สักรอบน่ะครับ
ตรงๆ เลยนะครับ ผมว่าผมต้องใช้ความอดทนพอสมควรกับครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้ สารภาพว่าแอบเบื่อแอบอะไรบ้าง แต่พอดูจนจบแล้วผมกลับโอเคนะ คือมันรู้สึกดีที่ได้ดูหนังเรื่องนี้สักรอบน่ะครับ
ผมเคยดูหนังเรื่องนี้รอบแรกเมื่อ พ.ศ. 2543 ซึ่งรอบนั้นผมรู้สึกเฉยๆ และมองว่าหนังไม่สนุกสักเท่าไหร่
ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 (ราวๆ เดือนมีนาคม ปี 1945) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้มีคำสั่งให้ทำลายสะพานเรมาเกนเพื่อกันไม่ให้พวกอเมริกันรุกคืบเข้ามายังเยอรมันชั้นในได้ แต่การทำเช่นนั้นก็จะเท่ากับปล่อยให้คนของกองทัพเยอรมันกว่า 75,000 คนต้องติดอยู่อีกฟากของแม่น้ำ
โนแลน เฮย์ส (Paul Walker) ต้องดูแลลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิดในโรงพยาบาล ส่วนคนอื่นๆ ก็อพยพกันไปเนื่องด้วยภัยจากเฮอร์ริเคนแคทรีนา แต่ปัญหาคือไฟในโรงพยาบาลเกิดดับครับ ในขณะที่ลูกสาวของเขาจำเป็นต้องพึ่งพาตู้อบทารกเพื่อพยุงชีพไว้ เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลลูกสาวและหาทางรอดไปจากภัยพิบัติครั้งนี้
การดูหนังเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศหนึ่งเมื่อวันวานขึ้นมาได้ครับ
หนังระดับคลาสสิคอีกเรื่อง ตัวเอกคือผู้พันลอยด์ กรูเวอร์ (Marlon Brando) นายทหารคนเก่งของกองทัพที่มีเหตุให้ต้องเดินทางไปรับภารกิจที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น แล้วที่นั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ ฮานาโอกิ (Miiko Taka) นักแสดงละครสาวสวยที่กุมหัวใจของเขา แต่ทว่าในเวลานั้นความรักระหว่างคนอเมริกันกับคนญี่ปุ่นยังถือเป็นเรื่องต้องห้าม เลยทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคความรักครั้งใหญ่
พูดตรงๆ เลยนะครับ หนังเรื่องนี้พล็อตโคตรจะซ้ำซากเลย – แต่ก็พูดตรงๆ อีกเหมือนกันว่า ผมชอบหนังเรื่องนี้ชะมัดเลยแฮะ
หนังรอมคอมที่ด้วยองค์ประกอบแล้วหนังสามารถเป็น Love Actually ได้เลยล่ะครับ และแม้ว่าหนังจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่อย่างน้อยหนังก็ดูสนุกใช้ได้อยู่ครับ
ตอนแรกว่าจะหาหนังต้นฉบับมาดูก่อนแล้วค่อยเขียน (เรื่องนี้รีเมคมาจากหนังเดนมาร์กครับ) แต่ก็ยังไม่มีเวลาสักทีเลยขอร่ายอันนี้ก่อนแล้วกันนะครับ เพราะคงไม่ยาวมากนัก
หนังกำกับโดย Pierre Morel แห่ง Taken ครับ ตัวพล็อตเรื่องนี้จริงๆ ก็ทำให้นึกถึงเรื่องนั้นเหมือนแฮะ