ปี 2016 นี่คงกลายเป็นอีกปีแห่งความทรงจำของผมเลยครับ อย่างที่ผมเคยตั้งชื่อไว้ว่าเป็น “ปีแห่งหนังภาคต่อข้ามทศวรรษ” เพราะเราได้เจอหนังภาคต่อที่สร้างห่างจากภาคที่แล้วเกิน 10 ปี เจอเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ปี 2016 นี่คงกลายเป็นอีกปีแห่งความทรงจำของผมเลยครับ อย่างที่ผมเคยตั้งชื่อไว้ว่าเป็น “ปีแห่งหนังภาคต่อข้ามทศวรรษ” เพราะเราได้เจอหนังภาคต่อที่สร้างห่างจากภาคที่แล้วเกิน 10 ปี เจอเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ตั้งแต่ได้ยินพล็อตก็ตระหนักได้เลยครับว่าหนังเข้าทางผมอย่างแรง ผมนั้นเป็นประเภทชอบหนังชีวิตที่บอกเล่า “ช่วง Moment หนึ่งของชีวิตใครบางคน” อย่างมากทีเดียว
9 ข้อขอเล่า หลังดู Cinderella เวอร์ชั่น Kenneth Branagh กำกับ (เปิดเผยเนื้อเรื่องตั้งแต่ข้อ 3 ขึ้นไป) และมันยาวอีกแล้วครับ ไม่ชอบของ “ยาว” กรุณาหลีกเลี่ยงนะครับ ^_^
ในรอบปีที่ผ่านมา American Dreams in China คือหนังที่ทำให้ผมหัวเราะมากที่สุด หัวเราะที่ว่านี้ แบ่งเป็น 2 อย่าง…
ปกติผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับหนังที่ทำเงินถล่มทลายในประเทศจีนน่ะนะครับ เพราะหลายเรื่องโกยเงินเยอะ แต่ไม่ถูกจริตกับผมจริงๆ โดยเฉพาะสารพัดหนังแฟนตาซีและหนังตลกยุคหลังๆ… แต่กับเรื่องนี้ ผมยกให้เลยครับ
หนังแอ็กชันเรื่องนี้ตอนแรกผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรครับ จริงๆ แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย นอกจากนำแสดงโดยอู๋จิง ที่คอหนังจีนแนวบู๊น่าจะคุ้นพี่แกดีครับ เพราะบู๊ให้เราดูมาเป็นสิบปีแล้ว
หนังดราม่าผสมบู๊ที่ลุงหงจินเป่าแสดงนำและกำกับเองครับ กับเรื่องของตาเฒ่าติง (ลุงหง) อดีตทหารและบอดี้การ์ดมือดีที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองเงียบๆ เล็กๆ แถบชายแดนจีนและรัสเซีย หลังจากหลานสาวตัวน้อยหายตัวไป
“ผู้ชายก็เหมือนปลา น้ำพัดไปทางไหน ก็ไหลไปทางนั้น”
ว่าตามจริงนี่เป็นการ์ตูน Batman ที่ผมรอดูตั้งแต่มีข่าวว่าจะสร้างแล้วครับ เอาแค่ชื่อก็น่าดูแล้ว และพล็อตยังว่าด้วยเรื่องของโจ๊กเกอร์ในมุมที่เรายังไม่เคยรู้อีกต่างหาก
การดู Fantastic Four ล่าหลังกว่าคนอื่นคงถือเป็นความโชคดีประการหนึ่งครับ เพราะหลังจากผ่านตาคำบ่นของคนดูมามากๆ เข้า อันว่าความคาดหวังของเราก็ลดต่ำลงตามลำดับ จนก่อนจะตีตั๋วดูนี่ทำใจได้สบายๆ ครับ คือหนังจะแย่แค่ไหนก็รับได้แล้วล่ะ