ข้อดีอย่างหนึ่งของการเขียนถึงหนังที่ดูแล้วอยากจะบอกว่าไม่ได้สนุกอะไรมากมาย คือ ไม่ต้องร่ายยาวแบบรักพี่เสียดายน้อง
ข้อดีอย่างหนึ่งของการเขียนถึงหนังที่ดูแล้วอยากจะบอกว่าไม่ได้สนุกอะไรมากมาย คือ ไม่ต้องร่ายยาวแบบรักพี่เสียดายน้อง
หนังแฟนตาซีที่น่าจะดูสนุกเมื่อตอนดูตัวอย่างครับ ครั้นพอดูแล้วก็รู้สึกว่าโอเค แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นสนุกน่าจดจำขนาดนั้น
จัดว่าเป็น Free Willy ฉบับแมวน้ำนำแสดงครับ แต่เรื่องนี้เห็นว่าสร้างจากเรื่องจริงว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างโทนี่ วิทนี่ย์ (Tina Majorino) กับแมวน้ำน่ารักอย่างอังเดร ที่แสนจะฉลาดเฉียว แน่นอนครับว่าเนื้อหามันพอจะเดากันได้ ว่าต้องมีเหตุการณ์ปั่นป่วนทำให้โทนี่และอังเดรต้องออกไปเสี่ยงภัยกลางทะเล แล้วก็ต้องมีคนไม่ชอบหน้าอังเดรมาคิดไม่ดีอีกด้วย
เรื่องนี้คงเขียนไม่เยอะแยะแต่ประการใดนะครับ เพราะดูเมื่อนานมาแล้ว และก็สารภาพเลยว่าไม่ได้ประทับใจอะไรมาก ทั้งๆ ที่ตัวอย่างทำให้ผมรู้สึกสนใจมากนะครับ เพราะหนังญี่ปุ่นมันมักจะมีอะไรซึ้งๆ แฝงอยู่เสมอ แล้วนี่มาทำหนังแนวภัยพิบัติ มันต้องมีการเสียสละ และความผูกพันดีๆ อย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
ยกให้ Rurouni Kenshin: The Legend Ends เป็นหนังที่มีฉากดวลดาบ “โคตรมันส์ที่สุด” ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา!!!
Jurassic World อาจไม่ใช่หนังไดโนเสาร์ที่สดใหม่ แต่ถ้าถามหาความบันเทิง ความลุ้น และความตื่นเต้นล่ะก็ หนังก็จัดว่าตอบโจทย์พวกนี้ได้ไม่เลวครับ
ไม่รู้ว่าแปลกไหมนะครับ แต่ผมโอเคกับ Ju ภาคนี้มากกว่าภาคก่อน อาจเพราะความคาดหวังที่ลดลง
แรกเริมเดิมที Jurassic Park นั้นจะไม่มีภาคต่อหรอกครับ เพราะ Michael Crichton เจ้าของบทประพันธ์ตั้งใจจะเขียนแค่ภาคเดียว ขนาดว่าแฟนๆ เขียนจดหมายส่งมาขอให้เขาเขียนภาคต่อ พี่ท่านก็ยังเซย์โนลูกเดียว
ผมดูหนังเรื่องนี้อีกรอบเมื่อเช้าเองครับ ดูจบแล้วก็ไม่มีข้อกังขาใดๆ ขอยกตำแหน่งยอดหนังไดโนเสาร์ตลอดกาลในดวงใจให้ Jurassic Park ไปเลย
รู้สึกผมจะไม่ได้เขียนเกี่ยวกับหนังสัตว์โลกน่ารักไปนานเหมือนกันนะครับ สำหรับเรื่องนี้ ว่าตามจริงผมน่ะอยากดูมานานแล้วครับ เพราะมันเป็นงานที่สร้างจากนิยายของ Peter Benchley คนเขียน Jaws น่ะครับ และผมเองก็เคยรีวิวภาคนิยายไปแล้วด้วย ซึ่งผมชอบนะครับ ชอบมากเลยล่ะ มันอ่านสนุก เพลิน ตื่นเต้นปนสยอง ครบรสสำหรับนิยายแนวสัตว์ประหลาดกลางทะเล