ว่าตามจริงแล้ว ตอนผมดู โดราเอมอน ตอน บุกนอกพิภพ รอบแรกผมไม่ถึงกับชอบอะไรนักครับ ครั้นมาดูอีกทีเมื่อโตขึ้น (หลังจากกลายเป็นแฟนหนังอวกาศอย่าง Star Trek เรียบร้อยแล้ว) ความชอบก็ไหลมาทันที
ว่าตามจริงแล้ว ตอนผมดู โดราเอมอน ตอน บุกนอกพิภพ รอบแรกผมไม่ถึงกับชอบอะไรนักครับ ครั้นมาดูอีกทีเมื่อโตขึ้น (หลังจากกลายเป็นแฟนหนังอวกาศอย่าง Star Trek เรียบร้อยแล้ว) ความชอบก็ไหลมาทันที
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมเจอหนังฉลามสไตล์เกรดบี (อาจจะค่อนไปทางซีด้วย) แบบนี้ไป 5 เรื่องครับ รู้สึกสะใจผสมกระอักอยู่เหมือนกัน มันมาหลายแบบมากเหลือเกิน
จริงๆ ด้วยพล็อตแล้วมันน่าสนใจนะครับ ว่าด้วยการเข้าไปผจญภัยในพีระมิดซึ่งถือเป็นสถานที่ติดอันดับท็อปๆ ในเรื่องความลึกลับและคำสาปอาถรรพ์ หากวางเรื่องดีๆ ล่ะจะสามารถเล่นอะไรได้เยอะเลย
ถ้าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีคนบอกผมว่า “ในอนาคตหนังแนวสัตว์โลกน่ารักจะเป็นหนึ่งในแนวหนังที่มีคนคิดค้นอะไรใหม่ๆ ใส่ลงไปมากที่สุด” ผมก็คงไม่เชื่อนะ
ยอมรับว่าตอนหนังออกฉายที่อเมริกาเล่นเอาผมอึ้ง เพราะหนังไต่อันดับขึ้นที่ 1 Box Office ประจำสัปดาห์ได้ ก็คาดไม่ถึงครับว่าด้วยฟอร์มหนังมันจะไต่กระไดไปถึงนั้นได้ แม้จะกำกับโดยลุง John Carpenter คนทำหนังสยองที่ดังจาก Halloween, The Fog และ The Thing แต่ลุงท่านก็อยู่ในช่วงขาลงมาตั้งนานแล้ว เห็นได้ขึ้นอันดับแบบนี้ก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แม้จะเปิดตัวแค่ 9 ล้านก็เถอะ (ประมาณว่าช่วงนั้นมันฮาโลวีนครับ ไม่มีหนังสยองอะไรเข้าท่าเรื่องนี้เลยเข้าวิน)
เรื่องนี้ชอบตั้งแต่ตอนดูโรงครับ บอกตรงๆ ว่าเสียดายมากที่หนังล่ม คือหนังทำเงินไปแค่ $52 ล้านจากทั่วโลก แต่เงินที่ลงทุนไปอย่างต่ำคือ $80 ล้าน แน่นอนครับว่าเจ๊งสนิท
ผลออสการ์ปีที่ผ่านมานั้นผมว่าผมโอเคกับมันนะ คือหนังที่ได้ไปก็ถือว่าควรค่าแก่การได้รางวัล อย่าง Mad Max นี่ก็ถึงเครื่องมากในเรื่องการทุ่มทุนถ่ายทำ ทีมงานต้องใช้แรงกันหนักโคตรๆ จนรู้สึกว่าหนังคู่ควรกับรางวัลเกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์ทุกสาขาเลย
หนังฮาเรื่องนี้ถ้าดูแบบคาดหวังความสมบูรณ์มันก็อาจไม่ตอบโจทย์น่ะนะครับ แต่หากดูแบบไม่คิดมาก ดูเอาเพลิน ผมว่าก็โอเคไม่น้อย อันที่จริงต้องบอกว่าสนุกกว่าที่คิดนิดนึงครับ
ผมดูหนังเรื่องนี้โดยไม่เอาอะไรไปเปรียบไปเทียบกับฉบับดั้งเดิม เพราะหากเปรียบแล้วล่ะก็ ฉบับเดิมทำไว้ขลังมาก แม้จะเป็นการ์ตูนก็ตาม แต่มันผสมระหว่างไซไฟ แฟนตาซี ลึกลับ ทริลเลอร์ และดราม่าที่ถึงรสเหลือหลาย (แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกจริต)
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้นี่ผมนึกถึง Battle Royale ตลอดเลยครับ เพราะพล็อตมันมาแนวเดียวกันเลย ประเภทให้คนไปอยู่รวมในที่เดียวแล้วก็ไล่ฆ่ากันให้ตายให้หมด ทุกคนก็ต้องหาทางเอาชีวิตรอดกันแบบจ้าละหวั่น