แม้หนังจะยาว 2 ชั่วโมง 10 นาทีแต่ผมไม่รู้สึกว่ามันยาวเลย คงเพราะผมเพลินน่ะครับ เพลินกับสไตล์การเล่าเรื่องของ Paul Thomas Anderson ที่ค่อยๆ พาเราจมลงสู่เรื่องราว บวกด้วยการแสดงระดับไว้ใจได้ของ Daniel Day-Lewis ที่ได้ชิงออสการ์อีกเช่นเคย
แม้หนังจะยาว 2 ชั่วโมง 10 นาทีแต่ผมไม่รู้สึกว่ามันยาวเลย คงเพราะผมเพลินน่ะครับ เพลินกับสไตล์การเล่าเรื่องของ Paul Thomas Anderson ที่ค่อยๆ พาเราจมลงสู่เรื่องราว บวกด้วยการแสดงระดับไว้ใจได้ของ Daniel Day-Lewis ที่ได้ชิงออสการ์อีกเช่นเคย
หนังรอมคอมลงสูตรสำเร็จครับ เรื่องก็คืออาร์เจ (Sean Teale) กับเอ็มม่า (Miranda Cosgrove) กำลังจะแต่งงานกัน แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือพ่อของอาร์เจที่ชื่อวิลล์ (Benjamin Bratt) และแม่ของเอ็มม่าที่ชื่อลาน่า (Brooke Shields) เคยปิ๊งกันมาก่อนตั้งแต่สมัยเรียนครับ ทำให้การมาเจอกันอีกครั้งของพวกเขานำมาซึ่งความวุ่นวายจนได้
ผมเคยดู Bull Durham รอบแรกเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น ดูเพราะเขาว่าเป็นหนังดีครับ ครั้นพอดูแล้วก็รู้สึกเรื่อยๆ ไม่ถึงกับชอบอะไรมาก จากนั้นหลายสิบปีต่อมาหลังจากมีครอบครัวมีลูกมีเต้าและวัยเริ่มย่างก้าวเข้าสู่ครึ่งหลังของชีวิต พอได้ดูอีกทีหนนี้โดนเลยครับ เหมือนสาส์นในหนังมันกระแทกเข้าเบ้าตาอย่างจัง
ผมจำชื่อไทยหนังเรื่องนี้ได้แม่นเลยครับ “แผ่นดินไหวยังต้านรักนี้ไว้ไม่อยู่” จำได้ว่าท่านที่ตั้งชื่อไทยนี้เคยสัมภาษณ์ไว้ว่า เขาอยากให้ชื่อมันสื่อความหมายถึงความรักของพระนางในเรื่อง ว่ารักกันมากขนาดว่าแผ่นดินไหวยังไม่อาจพรากสองคนนี้ได้ – แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับแผ่นดินไหวนะครับ
ระหว่างดูเรื่องนี้นี่ผมนึกถึง Interview with the Vampire เป็นพักๆ ครับ รู้สึกว่าหนังมาในทางเดียวกัน ว่าด้วยการเดินทางของคนที่ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ธรรมดา ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ แล้วก็ต้องรับมือกับสารพัดสิ่งไม่ว่าจะการใช้ชีวิต หรือคนที่ผ่านเข้ามาซึ่งก็ยากจะบอกได้ว่ามีเจตนาดีหรือไม่ดี
นี่ก็หนังแนวที่ผมโปรดอีกแล้วครับ กับหนังดราม่าที่บอกเล่าเรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตคน ซึ่งเรื่องนี้ตัวเอกคือ 3 สาวที่ทำงานในร้านมิสติค พิซซ่า อันประกอบไปด้วย แคท (Annabeth Gish) ที่รับจ็อบหลายงาน หนึ่งในนั้นก็คือพี่เลี้ยงเด็กซึ่งทำให้เธอได้เจอกับทิม (William R. Moses) คุณพ่อลูกหนึ่งที่ภรรยาไปทำงานที่อื่น และเมื่อเวลาผ่านไป แคทก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับทิมมากขึ้นตามลำดับ
ผมทำใจไว้ล่วงหน้าครับว่าตามสไตล์หนังภาคต่อแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาหากมันจะดร็อปลง ไม่โอเคเท่าภาคแรก ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ตอนต้นและตอนกลางก็เหมือนจะดร็อปลงไปบ้างจริงๆ ครับ แต่หนังมาโกยคะแนนได้เยอะในฉากไคลแม็กซ์ตอนท้าย
อาเค (โจวเหวินฟะ, Chow Yun-Fat) ได้ไปพบจดหมายที่ถูกเก็บไว้ในโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง จดหมายนั้นเขียนโดย เว่ยเสี่ยวเตี่ย (จงฉู่หง, Cherie Chung) สาวน้อยที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยเธอกำลังจะถูกผีร้ายจากนรกเอาตัวไปเป็นเจ้าสาว และวิธีเดียวที่จะช่วยเธอได้คือจะต้องมีผู้ชายที่เกิดเดือนหยาง ปีหยาง ทำการเขียนวันเดือนปีเกิดของเขาและเธอเผาไปด้วยกันถึงจะช่วยให้เธอพ้นจากชะตานั้นได้ แต่ผู้ชายที่ทำแบบนั้นจะต้องอายุสั้นลง 3 ปี กระนั้นอาเคก็ยินยอมพร้อมใจจะช่วยเธอครับ
หนังตลกอีกเรื่องแห่งยุค 60 ครับ กำกับโดย Billy Wilder ที่พาคู่ขวัญจากเรื่อง The Apartment มาเจอกันอีกหน โดยนำเอาบทละครเวทีฝรั่งเศสมาดัดแปลงเป็นหนังจอเงิน
แม็ดดี้ บาร์คเกอร์ (Jennifer Lawrence) สาวแซ่บที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน เลยรับงานอ่อยหนุ่มเนิร์ดละอ่อน เพอร์ซี เบคเกอร์ (Andrew Barth Feldman) แล้วเรื่องวุ่นๆ น่ารักปนห่ามก็เลยตามมา