หาก Star Wars ภาค The Force Awakens คืองานบูชาครูที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ พร้อมด้วยกลิ่นอายเดิมๆ แล้วล่ะก็ The Last Jedi นี่ก็คงถือเป็นการเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ตรงกับที่ลุคบอกไว้ในตัวอย่างว่า “มันจะไม่ได้จบลง เช่่นที่เจ้าคาดคิด”
หาก Star Wars ภาค The Force Awakens คืองานบูชาครูที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ พร้อมด้วยกลิ่นอายเดิมๆ แล้วล่ะก็ The Last Jedi นี่ก็คงถือเป็นการเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ตรงกับที่ลุคบอกไว้ในตัวอย่างว่า “มันจะไม่ได้จบลง เช่่นที่เจ้าคาดคิด”
คนทำหนังแนวนี้ ที่ผมยกให้เป็นแถวหน้า ต้อง Roman Polanski เท่านั้น
แม้จะมีทุกข์เล็กทุกข์น้อยนะครับ เกี่ยวกับการที่หนังแผ่นมากมายตั้งชื่อมั่วๆ แต่อย่างน้อยความสุขก็พอจะทดแทนกันได้ เพราะหนังเก่าๆ ดีๆ มีการทยอยออกมากันเยอะไปหมด
ผมนี่เป็นคนหลงใหลเรื่องใต้น้ำครับ หนังเกี่ยวกับการลงน้ำผจญภัยแบบ The Abyss หรือบุกอาณาจักรแอตแลนติสอะไรเทือกนั้นน่ะผมชอบครับ
เราทุกคนล้วนเคยพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น
หนังที่มีดีในตัว มีความสนุกผสมกันอย่างลงตัว มักจะไม่เก่าไปตามกาลเวลา… ผมว่าเรื่องนี้ก็เข้าข่ายหนังดีที่ว่านะครับ
แว่บๆ มากับหนังสยองไล่เชือดพิมพ์นิยมแห่งยุค 80 ครับ
เท็ด (Michael Paré) ช่างภาพหนังสือพิมพ์ได้เดินทางไปทำงานที่กลางป่าลึกในเนปาลกับแฟนสาว (Johanna Lebovitz) แล้วคืนหนึ่งพวกเขาก็โดนหมาป่ายักษ์ทำร้าย ซึ่งแฟนเขาเสียชีวิตทันทีครับ ส่วนเท็ดรอดมาได้หวุดหวิด
หนังเอาตำนานไซอิ๋วมายำนิดหน่อย พระเอกของเรา (Michael Angarano) ไปเจอเอากระบองทองของซุนหงอคงเข้า แล้วก็พลัดหลงเข้าไปในแดนจีนโบราณ ได้พบกับนักบู๊ขี้เมา (เฉินหลง), นักบวชไร้ชื่อ (หลี่เหลียนเจี๋ย) และแม่นางวิหคทองคำ (หลิวอี้เฟย) พวกเขาก็มีหน้าที่เดินทางเอากระบองไปคืนให้ซุนหงอคงที่โดนวายร้ายแห่งปราสาทหยกกักไว้
หนังเก่าอีกเรื่องนะครับ ชื่อค่อนข้างสะดุดหู กับแนวเรื่องหมาไล่ทำร้ายคน