ชื่อดูน่าจะเป็นหนังลึกลับนะครับ แต่ด้านในดันออกแนวตลกขบขันด้วยฤทธิ์เดชของดาราในเรื่องที่แสดงในแนวตลกๆ ทว่าเนื้อหาน่ะว่าด้วยปริศนาในคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีคำสาปและยังมีหุ่นกอริลล่าขนาดยักษ์ที่น่าเกรงขามอยู่ด้วย ซึ่งคนที่อยู่ในนั้นก็ต้องมาไขปริศนากัน
จากการดูหนังขาวดำแนวฆาตกรรมปริศนามาหลายเรื่องก็ทำให้ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งครับว่า การจะแยกแยะระหว่าง “หนังฆาตกรรมดีๆ ที่ดูแล้วตื่นเต้นน่าติดตาม” กับ “หนังฆาตกรรมธรรมดาที่ไม่ดูก็ไม่เสียดาย เอาเวลาไปอ่านโคนันจะสนุกกว่า” เราพอจะแบ่งได้ดังนี้ครับ
ด้วยความดังจากภาคแรกทำให้การสร้างภาคต่ออกมาโกยเป็นเรื่องสามัญครับ ซึ่งตอนแรก Daniel Myrick และ Eduardo Sánchez ผู้ให้กำเนิดหนัง The Blair Witch Project ก็มีแผนที่จะทำภาคต่อ แต่ยังไม่ใช่ทันทีครับ พวกเขาอยากได้เวลาอีกสักพักในการตกผลึกความคิด สรรหาไอเดียใหม่ๆ มาใส่ลงไปในหนังชุดนี้
ในปี 1994 มีนักศึกษาวิชาภาพยนตร์ 3 คนได้แก่ เฮเธอร์ โดนาฮิว, โจชัว เลนเนิร์ด และ ไมเคิล วิลเลี่ยมส์ ได้เดินทางไปถ่ายทำหนังสารคดีเกี่ยวกับตำนานแม่มดแบลร์ ที่แถวๆ ป่าแบล็คฮิลล์ เมืองเบอร์กิทส์วิลล์ รัฐแมรี่แลนด์ และหลังจากพวกเขาเดินทางเข้าป่าไป ก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย…
หนังทีวีว่าด้วยแฝดคนละฝาจาก Disney ครับ หนังเล่าถึง อเล็กซ์ เบอร์โรห์ (Maggie Lawson) สาวเฉิ่มที่อยากจะแปลงตัวเองไปเป็นนางแบบสุดสวย กับ จานีน อดัมส์ (Maggie Lawson อีกเช่นกัน) นางแบบสุดสวยที่อยากหนีชีวิตคนดังมาเป็นคนธรรมดา แล้ววันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกันครับ เลยแลกตัวแลกชีวิตกัน จานีนกลายมาเป็นอเล็กซ์ สาวใส่แว่นที่พยายามทำตัวเฉิ่ม กับอเล็กซ์ที่ต้องกลายมาเป็นนางแบบที่สุดเก้ๆ กังๆ
ดร. บิลล์ คอร์ทเนอร์ (Jason Evers) หมอผ่าตัดที่ชอบทดลองสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ อย่างล่าสุดเขาก็พยายามรักษาชีวิตของคู่หมั้น (Virginia Leith) ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเหลือแต่หัว ทว่าบิลล์ก็ยังหล่อเลี้ยงชีวิตเธอไว้ได้ และควานหาร่างหญิงสาวคนใหม่เพื่อสวมต่อชีวิตแทน
ยอมรับว่าภาค 4 เป็นตอนที่ทำเอาศรัทธาในหนังชุดนี้ลดลงไปเยอะ เพราะมันไม่มีอะไรใหม่แล้วครับ การหลอกหลอนมาแนวเดิมๆ เทคนิคการสร้างความกลัวก็เหมือนเอาองค์ประกอบจาก 3 ภาคแรกมา Reuse ใหม่ จุดดีอย่างเดียวของภาค 4 ยกให้น้องนางเอกนั่นแหละครับ สวยน่ารักจนชวนให้ไม่สนผีเผออะไรทั้งนั้น 555
ขอสารภาพว่าสำหรับผมแล้ว จุดสนใจของหนังเรื่องนี้ ขอยกให้คุณน้อง Kathryn Newton คนเดียวไปเลยครับ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบผีเผออะไรผมแทบไม่สน เรียกว่าตอนดูนี่แทบจะลืมว่ามันคือตอนหนึ่งของ Paranormal Activity แต่นึกว่าเป็น “เรียลลิตี้ถ่ายทอดชีวิตสาวใส” เป็นงั้นไป 555
สิ่งแรกที่คิดตอนดูหนังเรื่องนี้คือ… คุณสมบัติสำคัญของลูกเขยในตระกูลนี้ต้องบ้ากล้องวีดีโอกันทุกคนใช่ไหมเนี่ย?
จุดเข้าท่าแรกของหนังภาคต่อแนวสยองเรียลลิตี้เรื่องนี้คือ “ไม่หลงงงทาง” รู้ว่าอะไรทำให้ภาคแรกประสบความสำเร็จ แล้วไม่รอช้าที่จะเจริญรอยตาม เรียกว่าทำตามสูตรหนังชุด Saw แทนที่จะเดินตาม The Blair Witch Project ที่พอภาคแรกดังแล้ว ดันฉีกแนวภาค 2 ไปเป็นหนังสามัญที่ขาดความใหม่สดแบบภาคแรก ผลสุดท้ายก็เลยกลายเป็นอวสานหนังชุดแม่มดแบลร์ลงทันที
หมื่นทิพ's Review 