ก็ตามคำขอนะครับ ให้รีวิวภาคต่อของ The Ring ฉบับฮอลลีวู้ดก็ได้เลย ไม่ยากเย็น
ก็ตามคำขอนะครับ ให้รีวิวภาคต่อของ The Ring ฉบับฮอลลีวู้ดก็ได้เลย ไม่ยากเย็น
หลังจากฉบับญี่ปุ่นสร้างความโด่งดังและสะพรึงไปทั่ว อเมริกาก็ไม่รอช้าครับ นำเอาไปรีเมคทันที จะว่าไปช่วงนั้นมุขก็ตันพอดีด้วย ตอนนั้นฮอลลีวู้ดนี่เอะอะก็มารีเมคหนังเอเซียครับ ตอนนี้แม้จะซาๆ ลงไปบ้างแต่ก็ยังมีอีกเป็นระยะๆ อย่าง the Eye ก็โดนเอาไปเหมือนกัน
จะว่าไปผมรู้สึกว่าตัวเองพูดถึงหนังของ Hitchcock น้อยมากนะครับ มีแค่ที่ดังๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากไม่ได้ดูนั่นเอง ไม่รู้จะไปหาดูจากไหน นี่พูดถึงสมัยก่อนตอนที่มีแต่ VDO นะ จะหาดูทีนี่ยากเย็นแสนเข็ญ พวกหนังไร้สาระปัญญาอ่อนทำออกมาม้วนได้มากมาย แต่หนังดี ออกมาให้ดูทีนี่แทบจะวิ่งแก้บน
บอกตรงๆ ว่าผมนับถือพี่ Paul W.S. Anderson แกจริงๆ เพราะแกสามารถเดินหน้าสร้างหนังชุดนี้ออกมาขายได้เรื่อยๆ แม้รายได้จะไม่ล้นและคนดูจะไม่ถึงกับรัก แต่ด้วยความที่พี่แกขยันทำ และตอนทำแต่ละตอนออกมา แม้จะเบาพล็อตแต่ก็ยังตอบสนองความต้องการของคนดูกลุ่มหนึ่งได้ดีพอสมควร เรียกว่าแม้หนังจะไม่ถึงกับยอด แต่ดูแล้วพอจะสะใจบ้าง พอสยองบ้างคนดูกลุ่มนั้นก็พร้อมจะตามไปดูได้เรื่อยๆ
ถ้าให้ว่ากันจริงๆ หนังที่สร้างจากเกม Resident Evil (หรือชื่อคุ้นเคยสำหรับบ้านเราว่า Bio Hazard) มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าเดิม มันก็วนอยู่กับฝูงซอมบี้, ผีชีวะกลายพันธุ์, บริษัทอัมเบรลล่าที่เอาแต่จะทำกำไรทั้งที่โลกหายนะจนไม่รู้จะหายนะยังไงแล้ว, กลุ่มผู้รอดชีวิตที่มักจะเจอหายนะชุดใหญ่ทันทีที่เจ๊อลิซ (Milla Jovovich) นางเอกประจำเรื่องเฉียดกรายเข้ามาในชีวิต (ก่อนหน้านี้ก็อยู่กันดีๆ พอเจ๊แกมางานเข้าทุกรอบ 555)
จะว่าไปแล้ว The Expendables 3 ยังถือว่าดูได้ตามสไตล์หนังบู๊ที่มีฉากแอ็กชันเน้นๆ ระเบิดเบิ้มๆ สาดกระสุนถี่ๆ ดนตรีเร้าๆ มุขฮาแทรกเป็นพักๆ เรียกว่าสูตรสำเร็จหนังบู๊ยุค 80 – 90 ถูกนำมายำไว้ในนี้ บวกด้วย Effect ที่ลงทุนอลังขึ้น ตามด้วยดาราขาลุยทั้งระดับตำนานและหน้าใหม่ มาร่วมกันบู๊แบบแน่นจอ
ผมฟินกับ The Expendables 2 ที่สุดในบรรดา 3 ภาคครับ
หลายคนรีเควสท์ให้ผมรีวิวเรื่องนี้ และผมก็คิดเสมอครับว่าถ้าเขียนออกมา มันคงไม่เชิงเป็นรีวิว แต่จะเป็นบทความแนว “คนชราออกมารำลึกความหลัง ตามด้วยการเชียร์ดารานักบู๊ที่เราโตมาพร้อมหนังของพวกเขา”
ตอนปิดไตรภาค Karnstein Trilogy (หนังว่าด้วยแวมไพร์สาวคาร์มิลล่า) ของค่าย Hammer Film ครับ ซึ่งแม้นี่จะเป็นภาคต่อ แต่บางคราวก็มีคนถือว่านี่เป็นหนังภาคก่อนหน้า The Vampire Lover เพราะจากการแต่งกาย จากฉากแล้วดูจะเป็นการย้อนไปศตวรรษที่ 18 แต่กระนั้นทางผู้สร้างก็เคยระบุไว้เช่นกันว่าหนังเกิดในยุคกลางของศตวรรษที่ 19 อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ล่ะนะครับ ว่าจะฟังของอันไหน
ตอนที่ 2 ของหนังชุดแวมไพร์คาร์มิลล่า หรือ Karnstein Trilogy ที่ครั้งนี้เหตุยังคงเกิดที่รัฐสติเรีย ในประเทศออสเตรียเช่นเคย เมื่อทายาทแห่งตระกูลคาร์นสไตน์ปลุกชีพแวมไพร์คาร์มิลล่า (Yutte Stensgaard) ขึ้นมาอีกครั้ง ความสยองครั้งใหม่จึงเริ่มที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งคาร์มิลล่าเลือกที่จะแทรกซึมเข้าไปหาเหยื่อสาวบริสุทธิ์ และครั้งนี้ใครจะเป็นผู้หยุดยั้งเธอได้