หนังระดับคลาสสิคของ Stanley Kubrick ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งวางแผนปล้นครั้งใหญ่ เรียกว่าปล้นหนเดียวกะตั้งตัวได้เลย และหนังก็บอกเล่าให้เราได้ทราบถึงการวางแผน การดำเนินตามแผน และบทสรุปของการปล้นครั้งนี้ครับ
หนังระดับคลาสสิคของ Stanley Kubrick ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งวางแผนปล้นครั้งใหญ่ เรียกว่าปล้นหนเดียวกะตั้งตัวได้เลย และหนังก็บอกเล่าให้เราได้ทราบถึงการวางแผน การดำเนินตามแผน และบทสรุปของการปล้นครั้งนี้ครับ
หนังดราม่าเบาสมองแนวคู่หูต่างวัยที่มาค้นหาความหมายของชีวิตร่วมกันครับ คนหนึ่งก็คือนักเขียนบทละครตลกวัยดึกนามว่าชาร์ลี เบิร์นซ์ (Billy Crystal) ส่วนอีกคนคือนักร้องสาวคนรุ่นใหม่นามว่าเอ็มม่า เพจ (Tiffany Haddish) ที่พวกเขาได้มารู้จักกันโดยบังเอิญครับ แต่ไปๆ มาๆ ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่คอยดูแลกันและกัน
ผมเคยดู Bull Durham รอบแรกเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น ดูเพราะเขาว่าเป็นหนังดีครับ ครั้นพอดูแล้วก็รู้สึกเรื่อยๆ ไม่ถึงกับชอบอะไรมาก จากนั้นหลายสิบปีต่อมาหลังจากมีครอบครัวมีลูกมีเต้าและวัยเริ่มย่างก้าวเข้าสู่ครึ่งหลังของชีวิต พอได้ดูอีกทีหนนี้โดนเลยครับ เหมือนสาส์นในหนังมันกระแทกเข้าเบ้าตาอย่างจัง
ผมจำชื่อไทยหนังเรื่องนี้ได้แม่นเลยครับ “แผ่นดินไหวยังต้านรักนี้ไว้ไม่อยู่” จำได้ว่าท่านที่ตั้งชื่อไทยนี้เคยสัมภาษณ์ไว้ว่า เขาอยากให้ชื่อมันสื่อความหมายถึงความรักของพระนางในเรื่อง ว่ารักกันมากขนาดว่าแผ่นดินไหวยังไม่อาจพรากสองคนนี้ได้ – แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับแผ่นดินไหวนะครับ
หลังดู The Misfits จบ ผมก็นั่งนิ่งๆ พักหนึ่ง พลางถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับหนัง คำตอบที่พอจะได้มาก็คือ “ผมชอบองค์ประกอบส่วนใหญ่ของมัน”
ระหว่างดูเรื่องนี้นี่ผมนึกถึง Interview with the Vampire เป็นพักๆ ครับ รู้สึกว่าหนังมาในทางเดียวกัน ว่าด้วยการเดินทางของคนที่ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ธรรมดา ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ แล้วก็ต้องรับมือกับสารพัดสิ่งไม่ว่าจะการใช้ชีวิต หรือคนที่ผ่านเข้ามาซึ่งก็ยากจะบอกได้ว่ามีเจตนาดีหรือไม่ดี
หนังที่สร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ครับ ว่าด้วยกรณีล้มบอลครั้งใหญ่ของสมาชิกทีมชิคาโก้ ไวท์ ซ็อกซ์ในปี 1919 โดยหนังก็จะเริ่มเล่าตั้งแต่การที่สมาชิกบางคนในทีมไม่ใคร่จะได้ประโยชน์จากการชนะของพวกเขาสักเท่าไร ประมาณว่าพอทีมเล่นชนะ คนที่จะได้ประโยชน์เป็นกอบเป็นกำก็คือเหล่าผู้บริหารน่ะครับ แต่สมาชิกแทบจะไม่ได้อะไรเลย กระทั่งคำสัญญาที่ผู้บริหารบอกไว้ว่าจะให้โบนัส ก็เหมือนจะกลายเป็นแค่สัญญาลมๆ เท่านั้น
ดัดแปลงจากวรรณกรรมอมตะของ Charles Dickens ครับ เรื่องของหนุ่มน้อยนิโคลัส นิคเคิลบี (Charlie Hunnam) ที่สูญเสียพ่อไป ทำให้เขาต้องยืนหยัดหาทางดูแลแม่ (Stella Gonet) และน้องสาว (Romola Garai) อีกทั้งต้องคอยรับมือกับ ราล์ฟ นิคเคิลบี (Christopher Plummer) คุณลุงผู้มีจิตใจอันร้ายกาจ พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้ประโยชน์ และพร้อมเอาเปรียบทุกคนทุกครั้งที่ทำได้
Kalifornia ถือเป็นหนังแนวที่เห็นได้บ่อยในช่วงยุค 90 ครับ จำได้เลยว่ามีเยอะมาก โดยเฉพาะหนังลงทีวีหรือหนังที่ฉายทาง HBO หรือ Cinemax แนวหนังมันจะผสมกันระหว่างแอ็คชั่น ทริลเลอร์ แล้วก็มักจะเป็นแนว Road Movie บางเรื่องก็เจืออารมณ์ขันแสบๆ แล้วก็มีความโหดแทรกเข้าไป และบางทีก็จะมีจุดพลิกผันทำให้เราเดาได้ยากหน่อยว่าเรื่องมันจะไปจบลงตรงไหน
นี่ก็หนังแนวที่ผมโปรดอีกแล้วครับ กับหนังดราม่าที่บอกเล่าเรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตคน ซึ่งเรื่องนี้ตัวเอกคือ 3 สาวที่ทำงานในร้านมิสติค พิซซ่า อันประกอบไปด้วย แคท (Annabeth Gish) ที่รับจ็อบหลายงาน หนึ่งในนั้นก็คือพี่เลี้ยงเด็กซึ่งทำให้เธอได้เจอกับทิม (William R. Moses) คุณพ่อลูกหนึ่งที่ภรรยาไปทำงานที่อื่น และเมื่อเวลาผ่านไป แคทก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับทิมมากขึ้นตามลำดับ