เรื่องนี้ผมจำได้ว่าคว้าวีดีโอมาดูทันที หลังดู I Know What You Did Last Summer เสร็จ… ใช่ครับ ที่ดูนี่เพราะมีชื่อ Jennifer Love Hewitt แสดงล้วนๆ เลย (แหม เจตนาชัดเจนอะไรจะขนาดนั้น)
เรื่องนี้ผมจำได้ว่าคว้าวีดีโอมาดูทันที หลังดู I Know What You Did Last Summer เสร็จ… ใช่ครับ ที่ดูนี่เพราะมีชื่อ Jennifer Love Hewitt แสดงล้วนๆ เลย (แหม เจตนาชัดเจนอะไรจะขนาดนั้น)
นี่คือหนังที่ว่าด้วยคดีฆาตกรรมโหดในปี 1888 โดยฝีมือของ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือสังหารผู้หญิงแถบไวท์ชาเปลไปหลายศพ
ดอดจ์ (Stephen Baldwin) คือแฮคเกอร์มือดีที่โดนจับติดคุกอยู่ วันหนึ่งเขาเผอิญโดนจับล่ามโซ่คู่กับ ไพเพอร์ (Laurence Fishburne) อันธพาลผิวดำที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดง่ายมากๆ แล้วจู่ๆ ก็มีการแหกคุกเกิดขึ้น พวกเขาเลยวิ่งหนีมาด้วยกันครับ ตอนแรกก็กะว่าถ้าแยกกันได้เมื่อไรก็จะทางใครทางมัน แต่แล้วไปๆ มาๆ พวกเขากลับต้องร่วมหัวจมท้ายผจญภัยหนีตายไปด้วยกัน
หนังที่กลายเป็นว่าดังในแง่ข่าวฉาวครับ เนื่องจากพระนางในเรื่องอย่าง Russell Crowe กับ Meg Ryan เกิดปิ๊งกันกลางกองถ่าย ซึ่งนั่นจะไม่เป็นปัญหาเลยหาก Ryan ไม่ได้มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ซึ่งสามีของเธอก็คือดาราดังอีกคนที่ชื่้อ Dennis Quaid และแล้วในที่สุด Ryan กับ Quaid ก็หย่าขาดจากกัน โดย Ryan ก็ไปคบหากับ Crowe ก่อนจะไปกันไม่รอดในเวลาต่อมา
เจ้าฝูงแมลงสาบพันธุ์สยองที่ไล่แทะมนุษย์ถึงเลือดถึงเนื้อ คนก็เลยต้องหาทางกำจัด พระเอกชื่อริชาร์ด ทาร์เบลล์ (Franc Luz) กับนางเอกคือ อลิซาเบธ (Lisa Langlois) ซึ่งก็มีตัวประกอบตายบ้างรอดบ้างครับ ส่วนพระเอกนางเอกก็ต้องหาทางรบกับมัน กว่าจะชนะก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันล่ะฮะ
ท่านว่าหมามันมีความโกรธ ความแค้นเหมือนคนไหมครับ?
จากการ์ตูนแนวสยองขวัญ มาสู่หนังสยองแนวที่คุ้นเคยแต่ไม่ค่อยมีคนสร้างกันเท่าไรนัก
ถ้าให้ว่าตามจริงนี่ไม่ใช่หนังที่ผมชอบที่สุดนะครับ แต่มันมีความพิเศษประการหนึ่ง นั่นคือผมชอบเอามาดูในตอนเช้าวันหยุดครับ ตื่นมายามเช้า สูดอากาศไอน้ำค้างแล้วมันจะนึกถึงหนังเรื่องนี้ทุกครั้ง ถ้ามีโอกาสก็จะจัดซะ ทำแบบนี้มาตั้งแต่ตอนหนังออกวีดีโอ เมื่อปี พ.ศ. 2541 แล้วน่ะครับ
คุ้นๆ ว่าที่ผ่านมาพวกเราหลายคนสุมหัวแซวพี่ Nicolas Cage กันบ่อยๆ (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น) เลยขอพูดถึงหนังของพี่แกบ้างให้หายคิดถึง
Naqoyqatsi เป็นเรื่องที่ 3 ในหนังสารคดีชุดไตรภาค Qatsi ของ Godfrey Reggio ที่มาพร้อมคอนเซปต์เดิมครับ นั่นคือเป็นการร้อยเรียงภาพอันหลากหลายเข้ากับดนตรีอันทรงพลัง (ฝีมือของ Philip Glass เช่นเคย)