Airport ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะหนังว่าด้วยภัยพิบัติเรื่องแรกๆ ในยุคทองของหนังแนวนี้น่ะนะครับ แต่ถ้าดูกันจริงๆ แล้วโครงสร้าง 90% ของหนังจะออกแนวชีวิตมากกว่าครับ ส่วนอีก 10% ที่ว่าด้วยภัยพิบัตินั้นจะมีให้เห็นแบบชัดๆ ก็ตอนไคลแม็กซ์โน่นเลย
Airport ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะหนังว่าด้วยภัยพิบัติเรื่องแรกๆ ในยุคทองของหนังแนวนี้น่ะนะครับ แต่ถ้าดูกันจริงๆ แล้วโครงสร้าง 90% ของหนังจะออกแนวชีวิตมากกว่าครับ ส่วนอีก 10% ที่ว่าด้วยภัยพิบัตินั้นจะมีให้เห็นแบบชัดๆ ก็ตอนไคลแม็กซ์โน่นเลย
นี่คืองานกำกับของ David Fincher ชิ้นถัดมาจาก Fight Club ซึ่งเหตุผลที่เขารับทำหนังเรื่องนี้ก็เพราะตอนถ่ายทำ Fight Club นั้น เขาต้องตระเวนถ่ายตามโลเกชั่นต่างๆ ถึง 150 แห่ง ดังนั้นงานชิ้นต่อมาเขาเลยอยากทำอะไรที่มันง่ายสักหน่อย แบบถ่ายแค่ทีเดียวก็พออะไรประมาณนั้น แล้วหนังเรื่องนี้ก็เข้าแก๊บพอดี
ก็ได้ยินกิตติศัพท์ว่าเป็นหนังที่ดูสนุกเข้าท่าของ 2 ดาราขาบู๊ที่สังขารและความดังเริ่มโรยลงทุกวัน โดย Sylvester Stallone รับบทเรย์ เบรสลิน นักแหกคุกตัวกลั่นที่โดนฮ็อบส์ (Jim Caviezel) พัสดุแห่งคุกที่แสนลึกลับจับตัวไปขังไว้ในคุกที่มีการระวังป้องกันสูง อีกทั้งทันสมัยใหม่สุด เรียกว่ากะจะขังเรย์ให้ตายไปเลย แต่ที่คุกแห่งนั้นเรย์ก็ได้พบกับร็อทเมเยอร์ (Arnold Schwarzenegger) คนคุกที่ดูจะทรงอิทธิพลคนหนึ่ง ซึ่งในเวลาต่อมาพวกเขาก็จะช่วยกันหาทางออกไปจากคุกนรกนี้ให้จงได้
ภาคแรกทำเงินระดับร้อยล้าน ก็ต้องมีการทำภาคต่อออกมากันหน่อยล่ะนะครับ หลังจากคราวก่อนครูเอลล่า เดอ วิล (Glenn Close) เศรษฐีคลั่งขนสัตว์จอมวายร้ายโดนจับขัง แต่แล้วก็มีนักวิทยาศาสตร์ทำการบำบัดจนเธอเปลี่ยนเป็นคนใหม่ กลายเป็นคนใจงาม ไร้ความรุนแรง และเกลียดขนสัตว์ทุกชนิด
อันนี้เป็นฉบับหนังนะครับ หลังจากฉบับการ์ตูนเคยประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลมาแล้วในปี 1961 ถ้านับจากรายได้ค่าตั๋ว ณ ตอนนั้นก็ทำเงินไป $144 ล้าน แต่หากคิดตามอัตราเงินเฟ้อและค่าตั๋วปัจจุบันล่ะก็ จะเท่ากับฉบับการ์ตูนนั้นทำเงินไปถึง $834 ล้านทีเดียวครับ
การโกงเป็นเรื่องผิดไหม?… เส้นสายล่ะ?… การตามน้ำล่ะ?… การใช้อำนาจอำนวยความสะดวกให้พวกพ้องล่ะ?
นิยายแนวสยองของนักเขียนเจ้าเดิมที่ท่านไว้ใจได้ Dean Koontz (บางคนบอกไม่ใช่คนเดียวที่ไว้ใจได้ แต่เป็นคนเดียวที่ผมแนะนำมากกว่า 555 คือเดี๋ยวผมจะร่ายหนังสือแกให้หมดๆ ครับ มีคนอื่นๆ แน่ๆ )
กลับมาแนะนำหนังสืออีกครั้ง และยังคงเป็นเรื่องของ Koontz อยู่น่ะครับ และแนวก็ยังเป็นเขย่าขวัญตามเคย
สำหรับผมแล้ว พวกงานคานิวาล หรืองานวัดของฝรั่งนี่ออกจะเป็นอะไรที่น่ากลัวนะครับ ไม่รู้สิ ไม่เหมือนงานวัดบ้านเราอ้ะ ของเรามีเล่นปาเป้า มอเตอร์ไซค์ไต่ถังหรือบ้านผีสิง แต่บรรยากาศมันออกจะแฮ้ปปี้ สนุกสนาน ไม่เชื่อลองไปดูหนังอย่างมนต์รักทรานซิสเตอร์หรือเพื่อนสนิทสิครับ ภาพงานวัดของเราดูมันรื่นเริงครื้นเครง น่าไปเดินน่าไปกินสายไหมเล่นจะตาย แต่ทำไมก็ไม่ทราบ พอนึกถึงงานวัดของฝรั่งมันให้น่ากลัวทุกที
การเดินหน้าแนะนำหนังสือนิยายของ Dean Koontz ยังดำเนินต่อไปครับ (คงต้องหาของคนอื่นมาสลับคั่นมั่งแล้วแฮะ จะได้ไม่เบื่อกันซะก่อน)