เฮียแบรดด็อกแกมีอดีตเยอะจริงๆ ครับ มาภาคนี้หนังได้เปิดเผย (หรือไม่ก็แต่งขึ้นเพื่อให้มีเรื่อง) ว่า ผูู้พันเจมส์ แบรดด็อก (Chuck Norris) ได้พบรักกับสาวเวียดนามคนหนึ่ง และมีลูกกับเธอด้วย
เฮียแบรดด็อกแกมีอดีตเยอะจริงๆ ครับ มาภาคนี้หนังได้เปิดเผย (หรือไม่ก็แต่งขึ้นเพื่อให้มีเรื่อง) ว่า ผูู้พันเจมส์ แบรดด็อก (Chuck Norris) ได้พบรักกับสาวเวียดนามคนหนึ่ง และมีลูกกับเธอด้วย
ภาคนี้เป็นภาคบีกินนิ่งนะครับ ย้อนไปเล่าสมัยที่ ผูู้พันเจมส์ แบรดด็อก (Chuck Norris) โดนจับไปค่ายกักกันในช่วงสงครามเวียดนาม หนังก็แสดงให้เห็นถึงความโหดในค่ายกักกัน ภายใต้การควบคุมของผู้พันหยิน (Soon-Tek Oh) และเมื่อเลือดของแบรดด็อกเดือดถึงขีดสุด เขาก็ตัดสินใจแหกค่ายนรกแห่งนี้
ผูู้พันเจมส์ แบรดด็อก (Chuck Norris) อดีตจี.ไอ. ที่ยังจดจำคืนอันเลวร้ายสมัยไปรบในสงครามเวียดนามได้ และเขาก็ได้รู้มาว่ายังมีทหารอเมริกันอีกมากติดอยู่ในค่ายกักกัน เขาจึงตัดสินใจหาลู่ทางเข้าไปช่วยทหาร อันนำมาสู่การรบเลือดเดือดตามสไตล์ Chuck Norris
ผมนั้นเป็นแฟนผลงานของพี่มาโนช หรือ M. Night Shyamalan มานานหลายปีครับ แม้เรื่องก่อนๆ อย่าง The Happening จะไม่ค่อยมีคนปลื้ม แต่ผมก็ยังโอกับแนวคิดและการนำเสนอของพี่ท่านอยู่ ทว่าพอเจอเรื่องนี้เข้าก็ใบ้รับประทานเหมือนกันครับ
หนังตลกการเมืองที่ถือว่าทำได้ฮาและมีสาระไปในเวลาเดียวกันนะครับ ตัวเอกมีนามว่าโทมัส เจฟเฟอร์สัน จอห์นสัน (Eddie Murphy) นักต้มตุ๋นมือเซียนแห่งฟลอริด้าที่จับพลัดจับผลูได้ลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิก และด้วยลีลากะล่อนร้อยเล่มเกวียนของเขาก็ทำให้ได้รับเลือกอีกต่างหาก
ดูภายนอก คาร์ล (Ted Marcoux) คือช่างเทคนิคซ่อมคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป แต่แท้จริงแล้วเขาคือฆาตกรแอดเดรสบุ๊ค ที่คอยแอบบันทึกที่อยู่ยามลูกค้าเอาเครื่องคอมมาให้ซ่อม แล้วจากนั้นเขาก็จะย่องไปฆ่าทั้งครอบครัว ซึ่งเหยื่อรายล่าสุดที่เขาหมายตาไว้ก็คือ เทอร์รี่ มันโร (Karen Allen) คุณแม่ลูกติดที่ไปเป็นลูกค้าในร้านแห่งนั้น
แม้ตัวหนังจะไม่ได้ฮิตอะไรมากมาย แต่ผมก็ชอบนะครับ มันดูสนุก เพลินๆ แบบชวนให้ Feel Good ดีเหมือนกัน
นี่เป็นหนังตลกที่ดูเพลินเกินคาดหมายครับ ตอนแรกก็นึกว่าจะธรรมดา เรื่อยๆ ไม่ขำมาก แต่ไปๆ มาๆ หนังทำได้สนุกไม่น้อยเลยล่ะครับ
หนังตลกล้อเลียนของลุง Leslie Nielsen นะครับ เป็นผลงานช่วงหลังที่ออกแนวสาละวันเตี้้ยลง ว่าง่ายๆ คือไม่ขำเหมือนสมัยก่อนเก่า ส่วนหนึ่งผมไม่อยากโทษลุงเขาหรอกครับ เพราะเขายังแสดงแบบ “ตลกหน้าตาย” ได้อย่างเนียนอยู่ เพียงแต่เนื้อเรื่องเนื้อหามันออกทะเล (หรืออาจถึงขั้นออกนอกโลกไป) ไกลมากๆ ไม่มีประเด็น ไม่มีสาระอะไร ซึ่งจริงๆ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหนังแนวนี้หรอกครับ
ว่ากันตามจริง Coyote Ugly ไม่ใช่ยอดหนังดีที่มีคุณภาพสูงส่ง มันอาจมีบ้างที่เนื้อส่วนยังไม่ลงตัว การแสดงอารมณ์ของดาราไม่ถึงขีด หรือความเข้มข้นก็ยังไม่มากมาย แต่รู้อะไรไหมครับ… ผมชอบหนังเรื่องนี่้จัง