และนี่คือตอนที่ 4 อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังชุด The Mummy จากค่าย Hammer เป็นงานกำกับชิ้นสุดท้ายของ Seth Holt ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยทำหนังระทึกชั้นเยี่ยมเรื่อง The Nanny (1965) ไว้ ซึ่งเขาจากโลกนี้ไปด้วยอาการหัวใจวายก่อนหนังปิดกล้องเพียง 1 สัปดาห์
และนี่คือตอนที่ 4 อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังชุด The Mummy จากค่าย Hammer เป็นงานกำกับชิ้นสุดท้ายของ Seth Holt ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยทำหนังระทึกชั้นเยี่ยมเรื่อง The Nanny (1965) ไว้ ซึ่งเขาจากโลกนี้ไปด้วยอาการหัวใจวายก่อนหนังปิดกล้องเพียง 1 สัปดาห์
ภาค 3 ของหนังชุด The Mummy จากค่าย Hammer นะครับ เนื้อเรื่องออกแนวเดิมๆ นั่นคือ เปิดมาก็เล่าตำนานว่ามัมมี่ตัวที่เรากำลังจะได้เห็นมันออกมาฆ่าคนนั้นมันมีที่มาจากไหน จากนั้นก็จะตัดมาสู่ยุคปัจจุบัน ที่จะต้องมีนักโบราณคดีไปเปิดสุสาน และมัมมี่ก็ฟื้นขึ้นมาฆ่าพวกเขาทีละคนๆ จนพอตอนท้ายตัวเอกเท่านั้นที่จะร่ายคาถาสยบมันลงได้
ภาคต่อของ The Mummy จากค่าย Hammer Films ครับ แต่สิ่งที่รู้สึกระหว่างดูคือรสชาติมันแตกต่าง ไม่ใช่ต่างแค่กับหนังชุดมัมมี่นี้นะครับ แต่มันต่างออกไปจากหนังสยองแนวมอนสเตอร์ที่ผลิตออกมาจากค่าย Hammer เลยล่ะ
มัมมี่ภาคนี้ก็เป็นฉบับรีเมคโดยค่าย Hammer Films อีกเช่นเคยนะครับ ส่วนคนกำกับก็คือ Terence Fisher ขาประจำที่ทำหนังภาคแรกของหนังสยองแนวมอนสเตอร์ทุกเรื่องให้กับ Hammer ตั้งแต่ Dracula, Frankenstein และมนุษย์หมาป่าครับ แล้วก็เขียนบทโดย Jimmy Sangster อีกทั้งได้ 2 ดาราหนังสยองแห่งยุคอย่าง Peter Cushing และ Christopher Lee มาเจอกันอีก เรียกว่ายกทีมแม่เหล็กแห่งค่าย Hammer มาเจอกันเลยล่ะครับ
แล้วเราก็มาถึงตอนที่ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของตำนานมัมมี่คาร์ริสแล้วนะครับ Lon Chaney Jr. ยังคงรับบทนี้เหมือนเดิมครับ ส่วนเหตุภาคนี้ก็เกิดหลังจากภาคที่แล้ว 25 ปี ซึ่งก็คือเหตุมาเกิดในปี 1999 นั่นเองครับ
นี่ก็เป็นภาคที่ 3 ของหนังชุด The Mummy’s Hand นะครับ เรื่องราวบทต่อมาของมัมมี่คาร์ริส (Lon Chaney Jr.) ที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาอีก ด้วยฝีมือของยูซุฟ เบย์ (John Carradine) ทายาทคนต่อมาของเอนโดเฮป (George Zucco) วายร้ายจากภาคแรกที่ยังไม่ยอมตายเสียที
หนังภาคต่อจาก The Mummy’s Hand ครับ โดยเนื้อเรื่องภาคนี้เป็นเหตุการณ์หลังจากภาคแรก 30 ปี กล่าวคือปีในหนังนั้นคือปี 1970 ครับ แล้วก็ได้ดาราหลักๆ กลับมา
หลายคนนับว่านี่เป็นภาคต่อแบบกลายๆ ของ The Mummy ฉบับปี 1932 ที่ Boris Karloff แสดงไว้ แต่จริงๆ แล้วหนังไม่มีอะไรเกี่ยวกันในทางเนื้อเรื่องครับ เว้นแต่ว่ามอนสเตอร์ตัวร้ายคือมัมมี่เหมือนกัน และมีความร้ายกาจอีกทั้งแผนการที่น่าสะพรึง เต็มไปด้วยความมรณะเหมือนกัน
มอนสเตอร์ในตำนานอีกหนึ่งตนที่ดังไม่แพ้ Dracula, Frankenstein และ The Wolf Man ซึ่งฉบับนี้ก็ได้ Boris Karloff ผู้เคยสวมวิญญาณอสุรกายของแฟรงเกนสไตน์จนโด่งดังมาแล้วในปี 1931 โดยในเรื่องนี้เขามารับบทเป็น อิมโฮเทป นักบวชในยุคอียิปต์โบราณที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และเขาต้องการเสาะหาหลุมศพของอนัคซูนามุน คนรักของเขา เพื่อจะได้ปลุกชีพเธอขึ้นมาครองคู่และอยู่เป็นอมตะตลอดไป
ว่าง่ายๆ เลยครับว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังค้นหาเป้าหมาย หรือผู้ที่อยากโฟกัสพลังของตนให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และใช้แบบตรงเป้ายิ่งขึ้นกว่าเดิม