ตอนนี้เราจะไปเที่ยวรัฐเวอร์จิเนียกันครับผม โดยเราจะเริ่มกันที่เมืองวิลเลี่ยมส์เบิร์ก (Williamsburg) ก่อนจะมายังเมืองเจมส์ทาวน์ (Jamestown) เมืองที่ชาวอังกฤษมาตั้งรกรากในศตวรรษที่ 17 จากนั้นเราก็จะบ่ายหน้าสู่เมืองยอร์คทาวน์ (Yorktown) เมืองที่ฝ่ายอังกฤษพ่ายแพ้ต่อ George Washington ในสงครามประกาศอิสรภาพ แล้วเราก็จะไปเยือนแฮมป์ตัน (Hampton) ก่อนจะข้ามไปยังนอร์ฟอล์ค (Norfolk) ที่ตั้งของฐานทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วก็แวะหาดเวอร์จิเนีย (Virginia Beach) พร้อมชมอ่าวเชสซาพีค (Chesapeake Bay) แล้วการเดินทางก็จะสิ้นสุดลงที่เกาะแอสซาทีค (Assateague Island)
ในเมืองวิลเลี่ยมส์เบิร์กท่านจะได้พบกับบ้านเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะใหม่ เมืองเลยจะมีบรรยากาศคล้ายกับได้ย้อนไปในศตวรรษที่ 18 ทั้งสภาพบ้านเมืองและชาวเมืองที่แต่งกายตามยุคสมัยนั้น ทำให้ที่แห่งนี้เป็นดั่งพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต และดึงดูดคนให้มาเที่ยวนับล้านต่อปี
อีกหนึ่งสถานที่มีชื่อเสียงของรัฐนี้คือบ้านสวนเบิร์คเล่ย์ (Berkeley Plantation) ที่เป็นจุดกำเนิดของ 3 สิ่งที่มีชื่อเสียง สิ่งแรกคือเพลง Taps หรือที่บ้านเราอาจจะรู้จักในชื่อ “เพลงแตรนอน”, สิ่งที่ 2 คือวิสกี้เบอร์เบิน และสิ่งที่ 3 คือที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีการประกาศเรื่องวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้าอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในปี 1619
เมื่อพูดถึงรัฐเวอร์จิเนีย คอหนังหลายท่านก็อาจจดจำได้ถึงเรื่องราวของ John Smith และ Pocahontas ซึ่งเราก็จะได้เห็นอนุสาวรีย์รูปปั้นของ Smith ในตอนนี้ด้วยครับ
ครั้นเมื่อถึงยอร์คทาวน์ ที่แห่งนี้ก็มีตำนานครับ เพราะที่นี่คือที่ที่นายพลแห่งอังกฤษ Charles Cornwallis ยอมจำนนต่อก่อกำลังของ George Washington ที่ได้ร่วมมือกับกองทัพฝรั่งเศสในการสู้รบ ซึ่งนายพล Cornwallis ได้ถอยร่นสู่ทะเลหลังจากไม่สามารถรับมือกับกองกำลังทั้งของ Washington และฝรั่งเศสได้ แล้วก็กลายเป็นว่าในทะเลนั้นดันเกิดพายุขึ้นซะอีก มิหนำซ้ำกระสุนก็ร่อยหรอ ด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้นายพล Cornwallis ต้องยอมจำนน – อันนี้คนที่ดูหนังเรื่อง The Patriot น่าจะพอจำได้นะครับ ซึ่งคนที่รับบทนายพล Cornwallis ก็คือ Tom Wilkinson ผู้ล่วงลับนั่นเอง
อีกที่ที่ผมเพลินตาในการดูวิวมากกว่าที่คาดคือที่นอร์ฟอล์คครับ ตอนแรกก็นึกว่าจะมาพร้อมภาพของฐานทัพที่ดูแข็งๆ แกร่งๆ ตามสไตล์พื้นที่ทางทหาร แต่กลายเป็นว่ารูปแบบของฐานทัพที่นี่มีความน่าสนใจ อีกทั้งประวัติศาสตร์ก็เยอะครับ เรียกว่าสถานที่แห่งนี้ผ่านเหตุการณ์และเผชิญกับความสูญเสียมาอย่างมากมายทีเดียว
และอีกสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะตื่นตานะ แต่พอได้เห็นแล้วมันอดว้าวไม่ได้ นั่นคือสะพานข้ามอ่าวเชสซาพีคที่มีความยาวถึง 19 ไมล์ แล้วทีเด็ดของที่นี่คือมีอุโมงค์ด้วยครับ ประมาณว่าต้องทำอุโมงค์ลอดใต้อ่าวเพื่อให้มีพื้นที่เปิดให้เรือใหญ่ได้แล่นผ่าน ยอมรับว่าดูแล้วทึ่งเลยครับว่าเขาสร้างกันได้ยังไง เพราะทราบมาว่าระหว่างการสร้างนี่ผู้สร้างก็ต้องเผชิญกับพายุกับอะไรด้วย อันนี้ยอมรับเลยครับว่าว้าวจริงอะไรจริง
เป็นอีกตอนที่ชอบเกินกว่าที่คาดหมายครับ เพราะว่าตามจริงหากพูดถึงวิวในเชิงธรรมชาตินั้น ตอนนี้อาจไม่มีอะไรสวยหรือดูเป็นป่าขนาดนั้น แต่จุดเด่นของตอนนี้คือการพาเราไปพบกับสถานที่ที่มาพร้อมเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ บางทีการดูภาพสถานที่นั้นๆ ไปพร้อมๆ กับมีคนเล่าเรื่องราวหรือตำนานของที่นั่นนี่มันก็เป็นอีกอรรถรสที่น่าสนใจครับ – เหมือนเวลาเรากินอะไรแล้วรู้ที่มาที่ไปของมัน รู้ตำนานของคนทำหรือของสถานที่ที่เราไปกิน แล้วทำให้การกินมื้อนั้นของเราอร่อยขึ้นนั่นแหละ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)












