Action

The Karate Kid (2010) เดอะ คาราเต้ คิด

ผมว่าแรกเริ่มเดิมที หนังเรื่องนี้มันคือรีเมคของฉบับปี 1984 นั่นแหละครับ แต่ทีนี้พอ Cobra Kai ดัง พอจักรวาลต้นฉบับได้รับการสานต่อ สตูดิโอเลยจัดการรวมจักรวาลเข้าด้วยกันไปเลย ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ เพราะหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าดูสนุกใช้ได้อยู่

ตัวเอกคือ เดร (Jaden Smith) หนุ่มน้อยวัย 12 ปีที่ย้ายจากอเมริกามาประเทศจีน แล้วก็ได้เจอสาวน้อยน่ารักนามว่า เหม่ยหยิง (Han Wen Wen) แต่พอเดรไปข้องแวะกับสาวน้อยชาวจีน ก็เลยโดนเด็กหนุ่มจีนอย่าง เฉิง (หวังเจิ้นเว่ย, Wang Zhen Wei) เข้ามาเขม่น ก่อนจะอัดเดรและตามราวีเดรไปอีกหลายหน จนหนสุดท้ายนี่เดรโดนเล่นหนักจนกระอัก แต่ยังดีที่ลุงฮาน (เฉินหลง, Jackie Chan) คนดูแลตึกที่เดรอยู่ผ่านมา เลยยื่นมือเข้าช่วย ก่อนจะรับเดรเป็นศิษย์และฝึกสอนวิชากังฟูให้

มันคือพล็อตดั้งเดิมเลยครับ เด็กใหม่มาที่ใหม่ๆ แล้วก็โดนเล่นโดยเด็กเจ้าถิ่นที่ได้รับการสอนวิชาโดยอาจารย์สายโหด ส่วนพระเอกก็ได้อาจารย์สายคุณธรรมมาสอน ซึ่งนอกจากจะสอนวิชาป้องกันตัวแล้ว ก็ยังสอนวิชาชีวิต และสอนจิตใจของตัวเอกให้เป็นคนดี แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ เหตุการณ์ หลายๆ ฉากที่ยกมาจากภาคต้นฉบับแบบเต็มๆ – โดยเฉพาะตอนท้ายที่ตัวเอกโดนเล่นที่ขานั่น – ก็เรียกว่าครบสูตรหนังรีเมคครับ

แต่ถ้าถามว่าสนุกไหม ผมก็ว่าสนุกนะ อันนี้ยอมรับว่าตอนดูรอบแรกผมแอบคิดว่าหนังมันยาวจัง ตั้ง 2 ชั่วโมง 20 นาทีแน่ะ และยังแอบเบื่อหน่อยๆ ในบางจังหวะด้วย แต่พอเอามาดูใหม่ ซึ่งก็น่าจะห่างจากการดูรอบแรกประมาณ 15 ปี ผมกลับชอบหนังมากขึ้นนะ คือรู้สึกว่าแต่ละฉากที่หนังเล่านั้นมันมีความหมาย มันเหมาะสมตามท้องเรื่อง ไม่รู้สึกว่าช่วงไหนที่มันเหมือนเกินมาจนน่าตัดออก

หนังถือว่าครบเครื่องและครบรสครับ ที่ว่าครบรสคือมีครบทั้งความเป็นหนังดราม่า ทั้งแอ็คชั่น ทั้งโรแมนติกเล็กๆ ผสมกันได้อย่างพอเหมาะ ส่วนที่ว่าครบเครื่องก็คือฉากบู๊สู้กันนี่จัดว่ามันส์ใช้ได้ หรือฉากฝึกวิชาก็ถือว่ามาครบตามตำรับ Karate Kid นั่นคือการฝึกแบบเหมือนไม่ฝึก ถ้าเป็นต้นฉบับนี่ก็จะเป็น Wax on – Wax off ส่วนฉบับนี้ก็ถอดแจ็คเก็ต – สวมแจ็คเก็ต แล้วก็สอนเด็กหนุ่มด้วยคำคมและแนวคิดดีๆ มีความเป็นปรัชญาแทรกลงไป อะไรเหล่านี้ถือว่าครบอยู่ครับ

ดาราเล่นกันได้ดีหมดครับ เฮียเฉินนี่ไม่สงสัยอยู่แล้ว แกเล่นได้หมด แต่ที่ประทับใจมากคือ Jaden Smith ลูกของ Will Smith ที่ถือว่าเล่นได้ถึงสุดๆ ถึงทุกช่วง จนอดม่ได้ที่จะเอาใจช่วยให้เขาฝ่าฟันสารพัดอุปสรรคไปให้ได้ ส่วนเหวินเหวินก็น่ารักมากครับ ดูแล้วก็ไม่แปลกใจหากเดรจะรู้สึกดีๆ ด้วย ส่วน Taraji P. Henson ก็ดูสมเป็นคุณแม่สายสตรองที่พยายามเข้าหาลูก เรียกว่าแสดงได้ดีกันยกทีม

ส่วนตัวผมยกให้หนังเรื่องนี้อยู่ในข่ายหนังดีของผู้กำกับ Harald Zwart นะ ถือว่าหนังมีความกลมกล่อม ผสมความเป็นดราม่าแอ็คชั่นได้อย่างดี เล่าเรื่องได้สนุกชวนติดตาม – แม้เราจะเดาทุกอย่างได้หมดก็เถอะ แต่มันก็ยังสนุกอยู่ดี

และอีกคนที่ต้องชมคือผู้กำกับภาพ Roger Pratt (Batman, The Fisher King, 12 Monkeys, Chocolat และ Harry Potter ภาค 2 กับ 4) เขาสามารถจับภาพบรรยากาศบ้านเมืองในจีนมาขึ้นจอได้อย่างน่าจดจำ และฉากบู๊ทั้งหลายก็เก็บรายละเอียดมาขึ้นจอได้แบบครบ ซึ่งผมก็อยากถือโอกาสนี้ไว้อาลัยเขาด้วยครับ เพราะเขาจากเราไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ครับ

ดีใจที่หนังดังแบบเต็มขั้นครับ ทำเงินถล่มทลายไปถึง $359 ล้านจากทั่วโลก คุ้มทุน $40 ล้านแบบสุดๆ

ถือว่าทำออกมาดี ตามหลัง The Karate Kid ต้นฉบับ

สองดาวครึ่งสวยๆ ครับ

(7/10)