Action

Proud Mary (2018) แมรี่ พราวพยัคฆ์

แมรี่ (Taraji P. Henson) มือสังหารสาวได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือแดนนี่ (Jahi Di’Allo Winston) เด็กกำพร้าที่ถูกกดขี่โดยชายคนหนึ่ง (Xander Berkeley) แล้วจากนั้นเธอก็พยายามดูแลเขาครับ แต่มันก็ไม่ง่ายอยู่แล้วล่ะ ยิ่งเธอคิดจะล้างมือก็ยิ่งไม่ง่ายหนักขึ้นไปอีก เพราะเจ้านายของเธออย่างเบนนี่ (Danny Glover) ไม่เห็นด้วยแบบสุดๆ งานนี้เธอเลยต้องสะบัดกระบอกปืนเพื่อปกป้องตนเองและแดนนี่ให้พ้นภัย

ต้องบอกก่อนตามธรรมเนียมนะครับว่าหนังไม่ได้เน้นแอ็คชั่น ส่วนใหญ่กว่า 75% หนังจะเน้นไปที่ดราม่า ไปที่สายสัมพันธ์ของแมรี่กับแดนนี่ แล้วก็ปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ ในขณะที่ฉากแอ็คชั่นนี่จะมีแค่ตอนต้นนิดๆ ตอนกลางหน่อยๆ และมาเยอะเอาตอนท้าย ซึ่ง 2 ฉากแรกผมเฉยๆ แต่ฉากบู๊ปิดท้ายนี่ถือว่าทำออกมาได้เมามันส์สะใจเอาเรื่อง จนถ้าหนังบู๊ระดับตอนท้ายได้ตลอดเรื่องมากกว่านี้ล่ะก็ หนังจะต้องมหามันส์ครับ แต่พอดีเขาให้มาแค่นี้เราก็ได้ดูแค่นี้น่ะนะครับ

ทีนี้การที่หนังเน้นไปที่ดราม่านั้น จริงๆ ไม่ใช่ปัญหา ทว่าปัญหาคือการเล่าเรื่องช่วงดราม่ามันออกจะเรื่อยไปหน่อย ยังไม่ถึงกับน่าสนใจอะไรนัก จนบางช่วงนี่ก็นำพาความน่าเบื่อมาสู่หนังอยู่เหมือนกัน

ระหว่างดูนี่ผมก็รู้สึกว่าหนังมันคุ้นๆ นะ จนไปค้นก็พบว่าหนังได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Gloria หนังเก่ายุค 80 ที่ Gena Rowlands แสดงนำ ซึ่งขอบอกเลยครับว่าเรื่องนั้นจัดว่าสนุก ครบเครื่องครบรสกำลังดี แล้วหนังก็เน้นในเชิงดราม่ามากกว่าเหมือนกัน แต่การเดินเรื่องมันกลมกล่อมกว่า ดูแล้วไม่น่าเบื่อ ซึ่งหนังก็มีการเอามารีเมคอีกรอบตอนปี 1999 หนนี้ได้ Sharon Stone มาแสดงนำ แต่ผลลัพธ์ก็ถือว่าสู้ต้นฉบับไม่ได้

ส่วน Proud Mary เรื่องนี้ (ที่ถือว่าได้แรงบันดาลใจมา ไม่ใช่การรีเมคแบบเป็นทางการ) ผมว่าก็ใกล้ๆ กับฉบับปี 1999 น่ะครับ คือไม่ถึงกับแย่ พอดูได้ แต่ก็มีช่วงเรื่อยๆ เป็นพักๆ ในแง่ความสนุกก็ถือว่ายังไม่เยอะ แต่เหตุผลที่ทำให้ผมยังดูหนังได้จนจบนี่อย่างแรกก็คือการแสดงของ Henson ที่ผมว่าได้เลยนะ แล้วก็บวกด้วย Danny Glover ที่ยังคงไว้ลาย แสดงหนังได้ดีเช่นเดิมไม่มีตก แต่ผมว่าหนังมันมาพร่องตรงบทนี่แหละครับ ที่ยังเล่าได้ไม่จับใจคนดูเท่าที่ควร

ก็ถือว่าหนังยังไม่เข้าเป้าที่ไหร่ครับ ยิ่งหนังฉายตามหลัง Atomic Blonde ด้วย ซึ่งเรื่องนั้นจัดจ้านแซ่บซี๊ดกว่ากันเยอะทั้งในเชิงแอ็คขั่นและบทที่มีอะไรมากกว่าแค่หนังไล่ยิงกัน – แต่ถ้าดูแบบไม่คาดหวัง หรือไม่ก็ดูเพื่อตามไปให้กำลังใจดารา (อย่างผมนี่ดูเพราะ Glover และ Rade Serbedzija) ก็ว่ากันไป อย่างน้อยหนังก็ไม่แย่ครับ และจริงๆ ฉากบู๊ตอนท้ายก็ถือว่าใช้ได้ไม่เลว

เกือบสองดาวครับ

(5.5/10)