Action

Against the Dark (2009) คนระห่ำ ล้างพันธุ์แวมไพร์

ในโลกที่เชื้อแวมไพร์ระบาดไปทั่วทำให้คนที่รอดชีวิตต้องหลบซ่อนตัวและหาทางมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานที่สุด แต่โลกนี้ก็ยังมีนักล่าแวมไพร์มือพระกาฬ (Steven Seagal) คอยช่วยเหลือผู้คน รวมถึงทางกองทัพก็มีแผนในการกวาดล้างเหล่าแวมไพร์ให้สิ้นซากด้วย

อย่างแรกที่ต้องบอกนะครับ ก็คือ หากพฤติการณ์ของแวมไพร์ในเรื่องนี้มันดูคล้ายซอมบี้ก็ขอให้อย่าได้แปลกใจไป เพราะบทดั้งเดิมน่ะมันเป็นเรื่องของซอมบี้ครับ มันคือหนังซอมบี้ล้างโลกตามสูตรนั่นแหละ แต่พอดีว่าพี่ซีเก้าไม่ชอบซอมบี้ครับ และมองว่าแวมไพร์ดูดีกว่าเป็นไหนๆ เลยจัดแจงสั่งให้เปลี่ยนบททั้งหมด จากหนังซอมบี้จึงกลายเป็นหนังแวมไพร์ (ที่โคตรจะเหมือนซอมบี้) ด้วยประการละฉะนี้

และอย่างที่ 2 ก็คือ แม้หนังจะพะชื่อพี่ซีเก้าไว้หน้าสุด แต่เอาเข้าจริงพี่เขาโผล่บนจอแค่ 24 นาทีเท่านั้นครับ ดังนั้นเนื้อที่ส่วนใหญ่ในหนังเลยจะเป็นเรื่องของตัวละครอื่นเป็นหลักแทน ส่วนพี่ซีเก้าออกแนวบทสมทบกึ่งรับเชิญ และบางฉากที่ตามบทแล้วจะต้องเป็นพี่เขา ก็ยังมีการใช้สแตนอินมาถ่ายแทนด้วย – เช่นฉากตอนท้ายที่เราจะเห็นตัวละครคล้ายๆ พี่ซีเก้าเดินอยู่ลิบๆ อยากจะบอกว่านั่นไม่ใช่พี่เขาหรอกครับ เอาคนอื่นมาสวมชุดให้เหมือนเท่านั้นแหละ

แล้วหนังเป็นยังไง? พูดตรงๆ คือไม่สนุกเท่าไหร่ครับ หลักๆ มันคือหนังคนเอาตัวรอดจากซอมบี้นั่นแหละ แต่การเดินเรื่องระหว่างทางมันไม่ได้น่าติดตาม ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แอ็คชั่นก็แทบไม่มี ครั้นพอมีก็ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พอเข้าใจแหละครับว่าหนังมันทำออกมาเป็นแนวสยอง ไม่ได้เน้นแอ็คชั่น ก็เลยไม่อยากรีดเลือดจากปูน่ะนะครับ แต่ถึงจะดูในแง่หนังสยองมันก็ยังไม่อร่อยอยู่ดีนั่นแหละ

ถ้าให้พูดตรงๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ผ่านไปได้เลยครับ ไม่ว่าจะดูด้วยมุมหนังซอมบี้หรือหนังแวมไพร์ ผมว่าหนังก็ไม่เวิร์คพอกัน หรือในแง่ความสยองนั้นมันก็สยองในเรื่องภาพน่ะครับ พวกฉากอวัยวะคนโดนฉีกอะไรทำนองนั้น แต่บรรยากาศมันไม่ได้สยอง ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นแต่อย่างใด

ส่วนพี่ซีเก้ายิ่งไม่ต้องคาดหวังครับ แกมาแป๊บเดียวเอง แล้วไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหมนะ แต่ผมว่าตลอดเรื่องนี้พอเห็นหน้าพี่แกบนจอทีไร แกจะทำหน้าเหมือนประมาณว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่…” คือมันดูไม่เป็นส่วนหนึ่งกับตัวละครอื่นเลยน่ะครับ มันแหม่งๆ ทุกรอบที่พี่เขาโผล่มาจริงๆ

โดยหลักการแล้ว นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกของพี่ซีเก้าที่แสดงหนังสยองขวัญน่ะนะครับ แต่ก็อย่างที่ผมบอกน่ะครับ แกดูไม่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวเลย

ถ้าให้พูดแฟร์ๆ แฟรงค์ๆ ก็คงต้องบอกว่า เรื่องนี้ผ่านไปได้เลยครับผม

ดาวเดียวครับ

(4/10)