ตอนนี้ว่าด้วยอำนาจของธนาคารกลางครับ หลักๆ ที่เขาพูดถึงก็คือธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งมีรายการก็มาพร้อมแนวคิดที่ว่า องค์กรทางการเงินหลายแห่งในโลกที่กอบโกยผลประโยชน์จากประชาชนผ่านระบบเงินตราทั้งหลาย ว่าง่ายๆ คือมีคนใช้เงินเป็นอาวุธ เป็นเครื่องควบคุมบงการโลก หรือบางคนก็มองว่าธนาคารกลางของสหรัฐสร้างเงินขึ้นจากอากาศ แล้วก็ปล่อยเงินเข้าระบบ พร้อมเก็บดอกเบี้ยจากมัน
G. Edward Griffin เสนอแนวคิดที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐนั้นมีการผูกขาด, มีส่วนทำให้ค่าเงินลดลง, ขโมยอำนาจการซื้อของผู้คนไป และยังนิยามไว้ด้วยว่า “ธนาคารกลาง (สหรัฐ) ปล้นเงินจากคนอย่างถูกกฎหมาย”
แต่ก็แน่นอนว่ามีคนมองในมุมว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะธาคารกลางก็ไม่ได้สร้างเงินออกมาบ่อยๆ และการกระทำของธนาคารกลางสหรัฐส่วนใหญ่ก็ช่วยอุ้มชูเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ไม่ได้กอบโกยผลประโยชน์แต่เพียงแย่างเดียว
หลายคนยังเชื่อว่าธนาคารกลางบางแห่งอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายหลายอย่างในโลก เช่น สร้างวิกฤติบางอย่างขึ้นมาเพื่อสร้างโอกาสในการทำเงิน แต่คนที่ไม่เห็นด้วยก็จะถามว่า “ไหนล่ะ หลักฐาน?”
Thomas Jefferson เคยกล่าวว่า “I sincerely believe that banking establishments are more dangerous than standing armies, and that the principle of spending money to be paid by posterity, under the name of funding, is but swindling futurity on a large scale.” สรุปง่ายๆ คือ เขามองว่าการก่อตั้งธนาคารขึ้นมามีอันตรายกว่าการก่อตั้งกองทัพซะอีก เพราะเมื่อธนาคารได้ควบคุมเศรษฐกิจและแหล่งเงินแล้ว ก็จะสามารถควบคุมอนาคตของประเทศในวงกว้าง
Jim Marrs ก็กล่าวประเด็นน่าสนใจอย่าง มีประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเพียง 2 คนได้ดำเนินขั้นตอนของการออกเงินตราโดยไม่ผ่านระบบกลางแบบเดิมๆ คนแรกคือ Abraham Lincoln ที่ออกเงินทุนเพื่อการสงครามระหว่างรัฐ และคนที่ 2 คือ John F. Kennedy ในเดือนมิถุนายนปี 1963 มีคำสั่งพิมพ์เงิน 4.2 พันล้านดอลล่าร์โดยไมผ่านระบบสำรองของรัฐบาลกลาง แต่ผ่านกรมธนารักษ์ของสหรัฐอเมริกา – ซึ่งคนทั้งคู่จบลงด้วยการถูกลอบสังหาร – Marrs มองว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
แน่นอนครับว่าข้อมูลที่ผมจับเอามานี้ ก็ต้องใช้วิจารณญาณกรองให้เยอะครับ เพราะนี่คือข้อมูลและความคิด “ในมุมหนึ่ง” ซึ่งก็ย่อมมีอีกมุมที่เห็นต่าง ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรนั้นเราก็ต้องมาหาข้อมูลเพิ่ม และที่สำคัญคือต้องตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมอีกที
แต่ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งคือ บางสิ่งในโลกก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น – แต่บางสิ่งก็เป็นอย่างที่ตาเห็นนะ – และทุกสิ่งย่อมมีเหตุปัจจัย จากนั้นก็มีผลตามมา
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)












